วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

ศรีสะเกษl ศาลตัดสินจำคุก 1,825 ปี นายก อบต.เสียว อ.เบญจลักษณ์

ศาลตัดสินจำคุก 1,825 ปี นายก อบต.เสียว อ.เบญจลักษ์ มีส่วนได้เสียในสัญญากับ อบต.เสียว จำนวน 365 สัญญา พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัคร - สิทธิเลือกตั้งไม่เกินสิบปี 
วันที่ 30 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ศรีสะเกษ นายอดุลย์ วันดี  ผอ.ป.ป.ช.ประจำ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นางวรปภา ชัยพรมมา เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการ นายวรฉัตร ส่งสุข พนักงานไต่สวน ระดับสูง ร่วมกันแถลงข่าวผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ศรีสะเกษ ในช่วงที่ผ่านมา โดยใจความสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง ผลคำพิพากษาของศาลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด
นายอดุลย์ วันดี ผอ.ป.ป.ช.ประจำ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 73/2562 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 มีมติเห็นชอบมอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กรณีกล่าวหานายธนกฤต  ดุษฎีกุล  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบต.เสียว อ.เบญจลักษ์  จ.ศรีสะเกษ กับพวก มีส่วนได้เสียในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ของ อบต.เสียว โดย ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 นายธนกฤต ดุษฎีกุล มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม)152 (เดิม) รวม 365 กระทง นายอภิวัฒน์ ภักดี จำเลยที่ 2 นายหนูเหลี่ยง พันธ์ดี จำเลยที่ 3 นายเคน ปัสราษฎร์ จำเลยที่ 4 และนายธันยบูรณ์  พวงบุตรจำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 (เดิม) 152 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 จำเลยที่ 2 รวม 194 กระทง จำเลยที่  3 รวม 169 กระทง จำเลยที่ 4 รวม 68 กระทง จำเลยที่ 5 รวม 30 กระทง การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) 152 (เดิม) ความ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) 152 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 จำเลยที่ 1 จำคุก 1,825 ปีจำเลยที่ 2 จำคุก 582 ปี 776 เดือน จำเลยที่ 3 จำคุก 507 ปี 676 เดือน จำเลยที่ 4 จำคุก 204 ปี 212 เดือน จำเลยที่ 5 จำคุก 90 ปี 120 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละไม่เกิน 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) กับให้จำเลยที่ 1 พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ 27 ธันวาคม 2565) และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง มีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ผวจ.ศรีสะเกษ ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ได้รายงานตามหน้าที่และอำนาจตามที่นายอำเภอเบญจลักษ์เสนอ โดยให้เหตุผลนายธนกฤต ดุษฎีกุล พ้นจากตำแหน่ง นายก อบต.เสียว ในวาระดังกล่าวแล้ว 6 ปี 2 เดือน จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถดำเนินการสั่งให้นายธนกฤต  ดุษฎีกุล และนายอภิวัฒน์ ภักดี พ้นจากตำแหน่งได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องสอบสวนตามมาตรา 90/1 และมาตรา 92 ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และแก้ไขเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุดผู้ถูกกล่าวหา ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด///

ศรีสะเกษl ผอ.ป.ป.ช ติวเข้มกลางป้องกันปราบปรามการทุจริตให้กับบุคลากรของ อบต.สำโรงปราสาท

ผอ.ป.ป.ช.ติวเข้มการป้องกันปราบปรามการทุจริตให้กับบุคลากรของ อบต.สำโรงปราสาท
เมื่อวันที่  29 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงปราสาท อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ นายประดิษฐ์  ชาญเชี่ยว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงปราสาท ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการฝึกอบรมให้ความรู้หลักสูตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้กับบุคลากร องค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงปราสาท โดยมี นายกิตติโชติ  มะโนรา นิติกร เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ประธานสภาฯ สมาชิกสภาฯ หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน ครู พนักงานจ้างเข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้  

นายประดิษฐ์ ชาญเชี่ยว กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก นายอดุลย์  วันดี  ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดศรีสะเกษ  พร้อมด้วย นายวรฉัตร  ส่งสุข พนักงานไต่สวนระดับสูง สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดศรีสะเกษ มาเป็นวิทยากรให้ความรู้ความเข้าใจในบทบาทของภาคประชาชนในการได้มีส่วนร่วมการบริหารโครงการต่างๆ ของภาครัฐเพื่อป้องกันในการทุจริต และเพื่อเป็นแนวทางป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเพื่อปลูกจิตสำนึกให้ผู้เข้ารับการอบรมปฏิบัติงานอย่างโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล///

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567

ศรีสะเกษl แต่ส่งเลขเด็ดว่าวแก้บน หลวงปู่สรวง เด่นชัด 26

แห่ส่องเลขเด็ดว่าวแก้บน หลวงปู่สรวงเด่นชัด 26 ทำให้แผงขายล็อตเตอรี่หน้าวัดไพรพัฒนาเลขท้าย 26 ขายหมดเกลี้ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ฯพณฯ ดร.ซานดอร์ ซีโปส เอกอัครราชทูตประเทศฮังการี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีบวงสรวงหลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน ในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย  ซึ่งพระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.)และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ร่วมกับพระวัชรญาณมุนี วิ.(พระอาจารย์เทียนชัย ชยทีโป) เจ้าอาวาสวัดเทพสรธรรมาราม  (บายตึ๊กเจีย) ปทุมธานี นำคณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่สรวงจากทั่วประเทศได้จัดพิธีนี้ขึ้น  มีการจัดพิธีบวงสรวงอย่างยิ่งใหญ่ มีอาหารคาว หวาน ผลไม้ ประกอบพิธีจำนวนมาก มีคณะสงฆ์จำนวน 250 รูปจากกรุงเทพและศิษย์หลวงปู่สรวงพากันนุ่งขาวห่มขาวมาร่วมพิธีจำนวนมาก โดยมี นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวต้อนรับ และมี นายวิวัฒน์ชัย  โหตระไวศยะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเคิน ยาน รอง ผวจ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี  นายวิทยา วิรารัตน์  ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ นายประหยัด  ถิลา  วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ นายอัครนันท์ นนทา  ผอ.สนง.พระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ ดร.อภิชา  ระยับศรี นางวาสิตา  น้อยพรหม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวศรีสะเกษ นำคณะข้าราชการ พ่อค้าประชาชน คณะศิษย์หลวงปู่สรวงทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชามาร่วมพิธีจำนวนมาก

 จากนั้น พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม  พร้อมด้วย พระวัชรญาณมุนี วิ.(พระอาจารย์เทียนชัย ชยทีโป) เจ้าอาวาสวัดเทพสรธรรมาราม  (บายตึ๊กเจีย) ปทุมธานี ซึ่งเป็น 2 ศิษย์เอกก้นกุฏิของหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ได้นำคณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่สรวง 2 แผ่นดินไทย - กัมพูชา  และพุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศมาร่วมกันประกอบพิธีเปลี่ยนผ้าไตรหลวงปู่สรวง  โดยมี พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 มาเป็นประธานในพิธี   มี นายคารม  พรพลกลาง รองโฆษกรัฐบาล และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์    ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี มาร่วมในพิธีเปลี่ยนผ้าไตรหลวงปู่สรวงด้วย   พระครูโกศลสิกขกิจและพระวัชรญาณมุนี วิ.(พระอาจารย์เทียนชัย ชยทีโป) ได้ร่วมกันนำเอาผ้าไตรจีวรมาเปลี่ยนเพื่อถวายแด่หลวงปู่สรวง  เมื่อทำการเปลี่ยนผ้าไตรเสร็จแล้ว  คณะศิษย์ได้ร่วมกันยกโลงแก้วขึ้นไปวางบนที่ตั้งโลงแก้ว  โดย 2 ศิษย์เอกของหลวงปู่สรวง ได้นำคณะศิษย์สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย เมื่อเสร็จพิธีแล้วบรรดาชาวพุทธทุกคนที่มาร่วมพิธีได้ร่วมกันกราบขอพรและเดินพนมมือลอดใต้สรีระสังขารของหลวงปู่สรวงกันอย่างคึกคักมาก  เพื่อขอพรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ซึ่งเป็นปีใหม่ไทยปีนี้

ขณะที่ด้านบนมณฑปปราสาทหลวงปู่สรวง มีการประกอบพิธีเปลี่ยนผ้าไตรหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน  ปรากฏว่า ที่บริเวณด้านข้างสถานที่จัดพิธีบวงสรวงหลวงปู่สรวง ซึ่งจะมีว่าวจำนวนมากที่มีผู้นำเอามาแก้บนได้นำเอาว่าวมารวมกันไว้  ได้มีบรรดาคอหวยที่พากันมาร่วมพิธีจำนวนมาก พากันมาหาเลือกเอาว่าวไปจนหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งทุกคนมุ่งหวังสิ่งเดียวกันคือต้องการส่องดูเลขเด็ดที่อยู่บนตัวว่าว  บางคนเห็นตัวเลขบนว่าวแล้วจะเก็บเงียบเอาไว้คนเดียว แต่ปรากฏว่า มีคุณป้าท่านหนึ่งทราบชื่อภายหลังว่าคือ นางเผือก  บุตะเคียน  อายุ  60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 6 บ้านกระโดน ต.ตะเคียนราม อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ได้หาว่าวได้ 1 ตัว แล้วส่องหาเลขเด็ดบนตัวว่าว ปรากฏว่า สามารถมองเห็นตัวเลขบนตัวว่าวได้อย่างชัดเจนคือ เลข 26 ซึ่งนางเผือก บอกว่า จะนำเอาเลขเด็ดนี้ไปบอกญาติพี่น้องเพื่อนำเอาไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 นี้ หวังรับโชครับทรัพย์อย่างเต็มที่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า  ปรากฏว่าข่าวพบเลขเด็ด 26 บนตัวว่าวของหลวงปู่สรวง ที่วัดไพรพัฒนา แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ได้ทำให้แผงขายล็อตเตอรี่ที่บริเวณหน้าวัดไพรพัฒนา มีประชาชนพากันไปหาซื้อเลขท้าย 26  กันจำนวนมาก ส่งผลให้ล็อตเตอรี่เลขท้าย 26 ขายหมดเกลี้ยงแผงล็อตเตอรี่ไปอย่างรวดเร็ว////

 ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

ศรีสะเกษl สุดอนาถแดดจัด 41 องศา คร่าชีวิตยายวัย 58 ปี เดินลุยแดดจ้าไปเลี้ยงวัวฟุบดับกลางทุ่งนา

สุดอนาถแดดจัด 41 องศาคร่าชีวิตยายวัย 58 ปีเดินลุยแดดจ้าไปเลี้ยงวัวฟุบดับกลางทุ่งนา น้องสาวเผยแพทย์ตรวจพบว่า เป็นโรคความดันโลหิตสูงแต่ไม่ยอมกินยาตามหมอสั่งแถมยังกินเหล้า 40 ดีกรีเดินลุยแดดตอนเที่ยงไปเลี้ยงวัวสุดท้ายดับคาที่
เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 28 เม.ย.2567  พ.ต.ท.อติวรรต  ศรีเมือง สารวัตรเวร สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ที่แจ้งมายังศูนย์วิทยุ สภ.กันทรารมย์ว่า เกิดเหตุมีผู้พบศพหญิงชราเสียชีวิตบริเวณกลางทุ่งนา หมู่ 6 ต.ดูน อ.กันทรารมย์ จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.ธัชพงศ์  พรหมมา ผกก.สภ.กันทรารมย์ทราบและรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมการกุศลร่วมใจกันทรารมย์ หรือกู้ชีพหลักเมืองกันทรารมย์ โดยการบริหารงานของ นายสมชาย  โค้วไพโรจน์ นายกสมาคมฯ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเอารถฉุกเฉินไปให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตร.อย่างเต็มที่  เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า บริเวณกลางทุ่งนามีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า สวมกางเกงขายาวพับขากางเกงขึ้นมาอยู่ที่บริเวณหัวเข่าทั้ง 2 ข้าง สภาพศพนอนคว่ำหน้า บริเวณใบหน้ามีมดไต่ขึ้นมา   ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณเกิดเหตุและตามร่างกายไม่พบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายที่จะทำให้หญิงชราคนนี้ถึงแก่ความตายแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลักเมืองร่วมใจ ได้นำศพของ น.ส.แจ่มจันทร์ ไปที่ รพ.กันทรารมย์ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรศพโดยมีญาติพี่น้องตามไปด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการชันสูตรศพของแพทย์เบื้องต้นพบว่า น.ส.แจ่มจันทร์ เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจวายเฉียบพลัน 
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตชื่อ น.ส.แจ่มจันทร์  เขียวอ่อน  อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 367/1 หมู่ 14 ต.ดูน  อ.กันทรารมย์  ซึ่งนายธงชัย กัลยลัง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 363 /10 หมู่ 14 ชุมชนทุ่งสว่างสามัคคี ต.ดูน อ.กันทรารมย์ ซึ่งเป็นผู้พบศพคนแรกเล่าว่า  ตอนช่วงเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันนี้ ตนได้เดินไปสูบบุหรี่ที่บริเวณกลางทุ่งนา และจะออกไปดูวัวที่เลี้ยงเอาไว้ด้วย  เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุก็ไปพบว่า น.ส.แจ่มจันทร์ หรือป้าจ่อย ซึ่งเป็นญาติกัน นอนฟุบคว่ำหน้าอยู่บนพื้นดิน ตนได้ร้องเรียกป้าจ่อยแต่ไม่มีเสียงตอบรับและพบว่า เสียชีวิตแล้ว จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งให้ญาติพี่น้องทราบและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ ตร.ทราบเพื่อมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
นางศศิวัลย์  เขียวอ่อน  อายุ  60 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 345 หมู่ 6 ต.ดูน อ.กันทรารมย์  ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้เสียชีวิตเล่าว่า น.ส.แจ่มจันทร์ ไปพบแพทย์ที่ รพ.กันทรารมย์ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์ตรวจร่างกายของ น.ส.แจ่มจันทร์แล้ว พบว่า น.ส.แจ่มจันทร์ ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง  แพทย์ได้ให้ยามากินเพื่อรักษาอาการป่วย แต่ว่า น.ส.แจ่มจันทร์ไม่ยอมกินยา โดยบอกว่า ตนร่างกายแข็งแรง แถมยังกินเหล้าขาว 40 ดีกรี มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในช่วงเที่ยงของวันนี้ น.ส.แจ่มจันทร์ ได้ดื่มเหล้าตามปกติ  จากนั้น ได้เดินออกไปจากบ้านท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัดมาก ประมาณ 41 องศาเซลเซียส เพื่อไปดูวัว 2 ตัวของ น.ส.แจ่มจันทร์ ที่เลี้ยงเอาไว้ในทุ่งนา  ซึ่งตนคาดว่า แสงแดดที่ร้อนจัดอย่างรุนแรง อีกทั้ง น.ส.แจ่มจันทร์ ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและดื่มเหล้าหนัก ทำให้ น.ส.แจ่มจันทร์ ล้มฟุบเสียชีวิตกลางทุ่งนาอย่างน่าอนาถ โดยที่ไม่มีใครสามารถมาช่วยชีวิตได้ทันท่วงที คาดว่า เสียชีวิตช่วงเวลาประมาณ 13.00 น.ของวันนี้ ซึ่งตนและญาติพี่น้องจะนำศพของ น.ส.แจ่มจันทร์ ไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

ทางด้าน นายไตรภพ  เขียวอ่อน  อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 345 หมู่ 6 ต.ดูน อ.กันทรารมย์ ซึ่งเป็นหลานชายของ น.ส.แจ่มจันทร์ที่เสียชีวิต กล่าวว่า น.ส.แจ่มจันทร์รู้ตัวเองว่า ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่ว่าไม่ยอมกินยาที่แพทย์ให้มา และกินเหล้าขาวหนักกว่าเดิมวันละหลายขวด ก่อนเกิดเหตุช่วงเที่ยงวันนี้ น.ส.แจ่มจันทร์ หรือป้าจ่อย ได้เดินมาบอกตนว่า ขอให้ตนไปดูวัว 2 ตัวที่อยู่กลางทุ่งนาให้ด้วย  จากนั้น ป้าจ่อยได้เดินออกจากบ้านไปท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัดมาก  จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันนี้ นายธงชัย  ซึ่งเป็นญาติอีกคนหนึ่งได้ไปพบศพของป้าจ่อย ที่เสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา  ตนเชื่อว่า ป้าจ่อยเสียชีวิตเพราะโดนแดดที่ร้อนจัดมากและป่วยด้วยโรคประจำตัวทำให้นอนตากแดดเสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนาแบบนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า  เมื่อญาติพี่น้องไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต พ.ต.ท.อติวรรต  ศรีเมือง สารวัตรเวร สภ.กันทรารมย์ จึงได้มอบศพ น.ส.แจ่มจันทร์  เขียวอ่อน ให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป////

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษl เจดีย์วัดล้านขวดถล่ม แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติยังคงเดินทางมาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่อง

เจดีย์วัดล้านขวดถล่มแต่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศยังคงเดินทางมาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่อง ตื่นตาความสวยงามของโบสถ์กลางน้ำ กราบพระประธานหินหยกขาวองค์ใหญ่ โดยในวันนี้มีกิจกรรมทำบุญอุทิศให้กับหลวงพ่อลอด ผู้ก่อสร้างวัดล้านขวด
วันที่ 28 เม.ย.67  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว หรือวัดล้านขวด ต.สิ อ.ขุนหาญ จ.ศรีะเกษ ซึ่งแม้ว่าจะเกิดเหตุเจดีย์ที่กำลังก่อสร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุอัฐิของหลวงพ่อลอด  ถิระคุโณ ได้พังถล่มลงมานานหลายวันแล้ว แต่ว่าเจดีย์ที่พังลงมานั้น เป็นเจดีย์หลังเล็ก ๆ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อศาสนวัตถุส่วนใหญ่ที่สร้างด้วยขวดภายในวัดแห่งนี้แต่อย่างใด  ซึ่งในวันนี้ บรรยากาศภายในวัดล้านขวดยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศพากันเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามของวัดกันอย่างต่อเนื่อง   ซึ่ง นายเลอร์บัง จอร์ช นักท่องเที่ยวชาวเบลเยี่ยม ได้มาเที่ยวที่ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวชมวัดล้านขวด โดยตนได้เห็นข้อมูลมาจากสื่อโซเชียล ซึ่งในวันนี้ได้มีโอกาสมาเห็นด้วยตา มีความสวยงามและดูยิ่งใหญ่มาก นับเป็นสิ่งที่สวยงามแปลกตา และรู้สึกทึ่งในความสามารถของผู้คิดและช่างที่ก่อสร้างวัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก
ทางด้าน  ดร.เพ็ญศรี สารีบุตร ประธานสภาวัฒนธรรม อ.ขุนหาญ กล่าวว่า ในวันนี้ที่วัดล้านขวด หรือวัดป่ามหาเจดีย์แก้ว ได้มีการจัดกิจกรรมทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และพระครูวิเวกธรรมาจารย์ หรือหลวงพ่อลอด อดีตเจ้าอาวาส ผู้ก่อสร้างวัดล้านขวด และมีการทอดผ้าป่าสามัคคีอุทิศถวายกุศล ทำบุญประทักษิณา และนำปัจจัยจากผ้าป่าไว้สมทบทุนสร้างสถานที่เก็บอัฐบริขารของหลวงพ่อรอด อดีตเจ้าอาวาส  ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการก่อสร้างเจดีย์หลังเล็กๆ ไว้แล้ว แต่ด้วยการก่อสร้างที่เร่งทำเร่งสร้าง จึงเกิดผิดพลาดและได้เกิดทรุดและถล่มลงมา เชื่อว่าบารมีหลวงพ่อรอดคุ้มครอง ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับวัดล้านขวดนี้ ได้มีการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2525 เป็นความภูมิใจของพุทธศาสนิกชน ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีความสง่างาม มีพระอุโบสถที่ทำด้วยขวดแก้ว “สิมกลางน้ำ” หรือว่าโบสถ์กลางน้ำ พระประธานองค์ใหญ่จากหินหยกขาว หินหยกจากประเทศพม่า พระนอนองค์ใหญ่ รวมทั้งสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่รายรอบวัด ก็ล้วนก่อสร้างมาจากขวดแก้ว ยังคงความงดงามมาก ตนจึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนได้มาเที่ยวชม มาให้กำลังใจ มาเติมเต็ม มาเติมบุญให้วัดล้านขวดเจริญงดงามอยู่คู่ชาวพุทธและชาว จ.ศรีสะเกษ สืบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วัดล้านขวดแห่งนี้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยจุดเริ่มต้นของความงามจากขวดทั้งหมดนี้ เป็นความคิดริเริ่มของพระครูวิเวกธรรมาจารย์ หรือหลวงพ่อลอด อดีตเจ้าอาวาส ที่ได้มาปฏิบัติธรรมบริเวณนี้และเห็นว่ามีขวดถูกทิ้งเป็นขยะมากมาย หลวงพ่อลอดเห็นว่าขวดเหล่านี้มีสีสันสวยงาม สามารถนำไปตกแต่งอาคารได้อย่างสวยงาม และยังช่วยประหยัดงบประมาณค่าสี ค่ากระเบื้องได้อีกด้วย หลวงพ่อรอด จึงได้รวบรวมขวดจากหมู่บ้านในละแวกวัด และจากหมู่บ้านใกล้เคียง นำมาสร้างกุฏิหลังแรก ต่อมาเมื่อวัดล้านขวดเป็นที่รู้จักทั่วไป และเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ผู้มีจิตศรัทธาได้เริ่มหลั่งไหลมาที่วัดพร้อมกับนำขวดมาบริจาคด้วย ซึ่งขวดทั้งหมดที่นำมาสร้างสิ่งต่างๆ ในวัดมีจำนวนมากถึง 1,500,000 ขวดเลยทีเดียว สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ภายในวัดสร้างจากขวดแก้ว จากฝาเครื่องดื่มที่ทำจากเหล็ก นำมาก่อสร้างซุ้มประตู กุฏิ ศาลา อุโบสถ โบสถ์กลางน้ำ ห้องน้ำ หอระฆัง ฯลฯ แม้กระทั่งสถานที่ฌาปนกิจศพตามแบบพุทธศาสนา (เมรุ)  เรียกว่า หากใครมาที่วัดแห่งนี้เป็นครั้งแรกต้องรู้สึกตื่นตาตื่นใจในความงดงามอลังการของวัดล้านขวดอย่างแน่นอน//

 ภาพ / ข่าว   ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษl หลวงพ่อพุฒ นำบิ๊กทหาร 2 ชาติ ตักบาตร 2 แผ่นดิน

หลวงพ่อพุฒ นำบิ๊กทหาร 2 ชาติตักบาตร 2 แผ่นดินในวันสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่  เพื่อให้ความสัมพันธไมตรีระหว่างไทย- กัมพูชาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกว่าเดิมโดยใช้มิติทางพระพุทธศาสนา
 เมื่อเวลา 09.15 น.วันที่ 28 เมษายน 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย – กัมพูชา ช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี  กองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ  ได้เป็นประธานฝ่ายไทย โดยมี  พล.ท.เจีย  โซะเพี๊ยะ รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 นายอุน โซะเพี๊ยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย เป็นประธานฝ่ายกัมพูชา และได้รับความเมตตาจาก พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา และ พระครูพาน สีนาถ เจ้าคณะอำเภออันลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในการจัดกิจกรรมสรงน้ำพระ ทำบุญตักบาตร สงกรานต์ไทย – กัมพูชา ซึ่ง พระครูโกศลสิกขกิจ ร่วมกับ นายอำเภอภูสิงห์ ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้น  มีกิจกรรมประกอบด้วย พิธีทางศาสนา พิธีสรงน้ำพระพุทธรูป พิธีรดน้ำดำหัวขอพรพระและขอพรจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 2 แผ่นดิน จากนั้น เป็นการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ฝ่ายไทย 36 รูป และฝ่ายกัมพูชา 36 รูป รวม 72 รูป โดยมี พ.อ.จิรัฎฐ์  ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชากองกำลังสุรนารี พ.อ.สิทธิศักดิ์  พรหมดิเรก ผบ.หน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี นายวิทยา  วิรารัตน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ นายสุเทพ  ศรบุญทอง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 นายอุดมศักดิ์  เพชรผา ศึกษาธิการจังหวัดศรีสะเกษ  จ.อ.สมควร สิงห์คำ นายอำเภอภูสิงห์ นายสวน ธีริด นายอำเภออัลลองเวง นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษาทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา  มาร่วมพิธีจำนวนมากยาวเหยียดลึกเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา ท่ามกลางบรรยากาศมิตรภาพที่อบอุ่นของทั้ง 2 ประเทศ
พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ  กล่าวว่า  เนื่องในวันสงกรานต์ปีใหม่ของไทยและปีใหม่ของกัมพูชาปีนี้ อาตมาภาพก็ขออำนวยอวยพรให้พี่น้องไทยและพี่น้องกัมพูชา จงมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงทำมาหากินค้าขายเจริญรุ่งเรือง แล้วก็ขอให้มิตรภาพระหว่างไทย – กัมพูชา มีความยั่งยืนตลอดไป ซึ่งจะส่งผลดีการค้าและการท่องเที่ยว อีกทั้งสันติภาพที่เกิดขึ้นจะทำให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนอาศัยทำมาหากินได้อย่างมีความสุข  ซึ่งอาตมาภาพได้ใช้มิติทางพระพุทธศาสนาในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ชาติให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมต่อไป
พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมสงกรานต์ 2 แผ่นดินเนื่องจากไทยกับกัมพูชาก็มีประเพณีสงกรานต์เหมือนกัน ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างก็มีกิจกรรมในแต่ละฝ่าย ในวันนี้ก็เลยได้มีการนัดหมายกันจัดสงกรานต์อาจจะเลยห้วงสงกรานต์จริงมานิดนึง แต่ว่าได้มาทำบุญร่วมกันและได้มารดน้ำดำหัวสรงน้ำพระก็เป็นการสานสัมพันธมิตรภาพ 2 แผ่นดินว่า 2 ฝั่งเรามีประเพณีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันเหมือนกันและเป็นโอกาสดีที่จะได้มาพบปะพูดคุยกันด้วย/////

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข  ผู้สื่อข่าวประจำ  จ.ศรีสะเกษ

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567

ศรีสะเกษl ปรางค์กู่ เมืองคนดีนำข้าวสารก้นบาตร ซับน้ำตาผู้ยากไร้

ปรางค์กู่เมืองคนดีนำข้าวก้นบาตร ซับน้ำตาผู้ยากไร้
วันที่ 26 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดหนองแคน-ไฮเลิง ตำบลสำโรงปราสาท อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ นายวิทยา ไชยเดชกำจร นายอำเภอปรางค์กู่ ได้มอบหมายให้
นายทรงธรรม พหุสิริกุล  ปลัดอำเภอ เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมปรางค์กู่เมืองคนดี มีน้ำใจ นุ่งผ้าไทยใส่บาตร นำข้าวก้นบาตร พัฒนาคนพัฒนาชาติ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ คณะผู้บริหารท้องถิ่นท้องที่ นำโดย นายประดิษฐ์ ชาญเชี่ยว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงปราสาท นายสมร จันทพันธ์ กำนันตำบลสำโรงปราสาทผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ คณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูนักเรียน / ผอ.เจ้าหน้าที่ รพ.สต ตาเปียง/หว้าน พี่น้องชาวตำบลสำโรงปราสาท และคณะผู้บริหารท้องถิ่นท้องที่ พี่น้องในตำบลใกล้เคียง ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
นายประดิษฐ์ ชาญเชี่ยวนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงปราสาท กล่าวว่า การจัดกิจกรรม"เมืองคนดี มีน้ำใจ นุ่งผ้าไทยใส่บาตร นำข้าวก้นบาตร พัฒนาคนพัฒนาชาติ" มีการจัดพิธีทำบุญตักบาตรด้วยข้าวสารอาหารแห้งและนำเอาปัจจัยสบทบเข้ากองทุนแก้จนแบบบูรณาการ ของตำบลสำโรงปราสาท เพื่อนำไปสงเคราะห์ครัวเรือนยากจน ผู้ยากไร้ ตามระบบข้อมูล TPMAP และข้อมูล THAI QM ในตำบลสำโรงปราสาท ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ได้มอบเงินซ่อมสร้างจำนวน 5,000 บาทให้กับ นางไทย อักษร ม.7 เพื่อสมทบทุนซ่อมสร้างที่อยู่อาศัย ที่ได้รับสวัสดิการจากกองทุนผ้าป่าข้าวเปลือกจากอำเภอและส่งมอบที่อยู่อาศัย-ห้องสุขาที่สร้างแล้วเสร็จให้กับพี่น้องผู้ด้อยโอกาสใน 4 หมู่บ้าน จำนวน  5 ราย/////

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

ศรีสะเกษl สทน.จับมือ 3 มรภ อีสานใต้ อบรมพร้อมให้คำปรึกษาผู้ประกอบการเฟ้นหาสุดยอดอาหารพื้นถิ่น

สทน.จับมือ 3 มรภ. อีสานใต้ อบรมพร้อมให้คำปรึกษาผู้ประกอบการเฟ้นหาสุดยอดอาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่น “Product Champion”
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ร่วมกับ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏ ได้แก่ มรภ.ศรีสะเกษ มรภ.สุรินทร์ และ มรภ.บุรีรัมย์ จัดกิจกรรม “การถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างมูลค่าให้กับอาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่น ด้วยการฉายรังสี” เมื่อระหว่างวันที่ 22 – 25 เมษายน 2567 รวม 3 ครั้ง (3 จังหวัด) เพื่อให้ความรู้เรื่อง “การเพิ่มมูลค่าอาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่นด้วยการฉายรังสี”กับผู้ประกอบการ รวมทั้งให้คำปรึกษาเชิงลึก และรับผลิตภัณฑ์ตัวอย่างจากผู้ประกอบการ เพื่อเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ คว้าสุดยอดผลิตภัณฑ์ “Product Champion” ต่อไป 
 
นายหาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์ รองผู้อำนวยการ  รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า อาหารฉายรังสี เป็นกระบวนการถนอมอาหารรูปแบบหนึ่ง โดยผ่านพลังงานไปยังอาหาร เพื่อทำลายเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและยืดอายุอาหาร โดยไม่มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี อาหารฉายรังสีจึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สทน. จึงได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ให้การส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิตอาหารพื้นถิ่น และกลุ่มผู้ประกอบการ SME มาตั้งแต่ปี 2564 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาหารฉายรังสีให้กับผู้ประกอบการ และยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในด้านคุณภาพและความปลอดภัย ด้วย “เทคโนโลยีการฉายรังสี”
ในปี 2567 สทน. ได้ร่วมกับ มรภ.ศรีสะเกษ มรภ.สุรินทร์ และ มรภ.บุรีรัมย์ จัดกิจกรรมขึ้น โดยได้เพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหารฟังก์ชั่น หรือ Functional Foods เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพด้วย โดยกำหนดจัดกิจกรรม “การถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างมูลค่าให้กับอาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่นด้วยการฉายรังสี” ในระหว่างวันที่ 22 – 25 เมษายน 2567 รวม 3 ครั้ง (จังหวัด) มีผู้ประกอบการนำผลิตภัณฑ์มาขอรับคำปรึกษาจากทีมนักวิจัยจากสทน. และผ่านเข้ารอบ รวมจำนวน 72 ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นประเภทอาหารพื้นถิ่น 49 ผลิตภัณฑ์ ประเภทอาหารฟังก์ชั่น 23 ผลิตภัณฑ์ โดยจังหวัดศรีสะเกษ มีผลิตภัณฑ์ทั้งสองประเภทรวม 25 ผลิตภัณฑ์ จังหวัดสุรินทร์รวม 30 ผลิตภัณฑ์ จังหวัดบุรีรัมย์รวม 17 ผลิตภัณฑ์ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในประเภทอาหารพื้นถิ่น ได้แก่ แหนมเห็ด น้ำพริกนรกดักแด้ ผงปูนาแท้ น้ำพริกจิ้งหรีด ส่วนประเภทอาหารฟังก์ชั่น ได้แก่ ข้าวเม่าซีเรียล แป้งข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวผงชงพร้อมดื่ม ผงจมูกข้าวหอมมะลิ อาหารให้พลังงานนักกีฬา ฯลฯ
 ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการอบรมและให้คำปรึกษาเชิงลึกกับผู้ประกอบการทั้ง 3 จังหวัดแล้ว ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันพิจารณาเฟ้นหาสุดยอดผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่นและอาหารฟังก์ชั่น หรือ Product Champion โดย สทน.คาดหวังว่าการจัดกิจกรรมในโครงการฯ นี้จะช่วยแก้ปัญหากระบวนการผลิต และช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์ ด้วยเทคโนโลยีการฉายรังสี รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่น และอาหารฟังก์ชั่นที่สามารถต่อยอดได้ในเชิงพาณิชย์ เพื่อช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเศรษฐกิจของประเทศต่อไป////

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2567

ศรีสะเกษl วีระพล จิตสัมฤทธิ์ คณะกรรมาธิการศาสนาขอพรสรีระสังขารหลวงปู่สรวง

วีระพล จิตสัมฤทธิ์ นำคณะกรรมาธิการศาสนากราบขอพรสรีระสังขารหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดินที่วัดไพรพัฒนา โดยหลวงพ่อพุฒศิษย์เอกหลวงปู่สรวงได้นำสวดมนต์เดินลอดใต้สรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่สรวงพร้อมมอบวัตถุมงคลหลวงปู่สรวงรุ่นมหามงคลจักรพรรดิ์แก่คณะกรรมาธิการทุกคนเพื่อความเป็นสิริมงคล
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ   นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์  ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และส.ส.ศรีสะเกษ เขต 6 พรรคเพื่อไทย ได้นำคณะกรรมาธิการการศาสนาฯประกอบด้วย นางสาวพิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ นายสมศักดิ์ บุญประชม นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล นายนิยม เวชกามา นายประกรณ์เกียรติ ญาณหาร นายสัมพันธ์ เสริมชีพ นางสาวเกสราภรณ์ บุญรอด นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายขวัญชัย สุขเกษม นางภิรมย์ เจริญรุ่ง นายภีม บุตรเพ็ง นายมิตร โพติยะ และนายกฤษณะพงศ์ โรจนวรวัฒน์ เดินทางมากราบนมัสการ พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ในโอกาสที่ได้นำคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร มาศึกษาดูงานเกี่ยวกับการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ระหว่างวันพุธที่ 24 – 26  เมษายน 2567  ณ จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งหลวงพ่อพุฒ ได้นำคณะสวดมนต์ไหว้พระพร้อมทั้งได้เล่าถึงประวัติวัดและผลงานการทำนุบำรุงและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ผ่านมาของวัดไพรพัฒนาให้คณะกรรมาธิการได้รับทราบ ซึ่งนายวีระพล ได้ถวายใบประกาศเกียรติคุณให้กับหลวงพ่อพุฒในฐานะที่ได้ให้การสนับสนุนในการมาศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ จากนั้น  หลวงพ่อพุฒ  ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่สรวง ได้นำคณะกรรมาธิการขึ้นไปกราบไหว้เพื่อขอพรจากสรีระสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน พร้อมทั้งได้นำสวดมนต์เดินพนมมือลอดใต้สรีระสังขารของหลวงปู่สรวง 3 รอบ โดยหลวงพ่อพุฒได้มอบวัตถุมงคลหลวงปู่สรวง รุ่นมหามงคลจักรพรรดิ์ ให้กับคณะกรรมาธิการการศาสนาฯทุกคนเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์  ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และส.ส.ศรีสะเกษ เขต 6 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเดินทางมากราบไหว้พระครูโกศลสิกขกิจและกราบไหว้ขอพรจากสรีระสังขารของหลวงปู่สรวงในครั้งนี้  เนื่องจากว่า คณะกรรมการธิการการศาสนาฯ  มาศึกษาดูงานเกี่ยวกับการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา  เป็นภารกิจของคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมโดยท่านประธานได้มอบหมายให้ตนซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการศาสนา ได้นำคณะเดินทางมาในครั้งนี้  ซึ่งขณะนี้คณะกรรมาธิการศาสนาฯได้รับเรื่องร้องทุกข์จากวัดต่างๆ ทั่งประเทศ จำนวนมาก โดยส่วนมากแล้วเป็นปัญหาการขอใช้พื้นที่ป่าเพื่อตั้งวัดเป็นปัญหามากกว่า 80% จะเป็นเรื่องนี้ เราก็พยายามแก้ไข บางครั้งเราก็จะลงพื้นที่ บางครั้งเราก็จะให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนไปที่สภาผู้แทน     ราษฏร หากมีการร้องเรียนเข้าไป ซึ่งปัญหาหลักๆตอนนี้ที่ยังแก้ไม่ได้ก็คือ ปัญหาเกี่ยวกับการขอใช้พื้นที่ในที่สาธารณะประโยชน์ ซึ่งปัญหานี้ส่วนมากแก้ยาก แต่ว่าคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมทุกคน ได้พยายามแก้ไขปัญหาเรื่องที่ได้รับร้องเรียนมาทุกเรื่อง เพื่อเป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่/////

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษl หลวงพ่อพุฒ ร่วมกับนายอำเภอภูสิงห์ เตรียมจัดพิธีตักบาตร 2 แผ่นดิน

หลวงพ่อพุฒร่วมกับนายอำเภอภูสิงห์เตรียมจัดพิธีตักบาตร 2 แผ่นดินไทย – กัมพูชาอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อทำบุญเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ของไทยและกัมพูชาและเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติให้แน่นแฟ้นยิ่งใหญ่กว่าเดิมโดยเชิญผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีและผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ของไทยและกัมพูชาเป็นประธานฝ่ายทหารและเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย เป็นประธานฝ่ายพลเรือน 

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาทม  วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม  ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา และจ่าเอกสมควร  สิงห์คำ  นายอำเภอภูสิงห์ ได้เป็นประธานในการประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมสรงน้ำพระ ทำบุญตักบาตรสงกรานต์ไทย - กัมพูชา ประจำปี 2567 ซึ่งอำเภอภูสิงห์ร่วมกับวัดไพรพัฒนา และองค์การบริหารส่วนตำบลไพรพัฒนาได้ร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้น กำหนดจัดงานในวันที่ 28 เมษายน 2567 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ณ จุดผ่านแดนถาวรไทย – กัมพูชาช่องสะงำ  ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งที่ประชุมได้มีการมอบหมายหน้าที่การเตรียมงานทั้งการจัดเตรียมสถานที่ การจัดเตรียมพิธีการ กำหนดการทางศาสนา  การเชิญส่วนราชการต่าง ๆ มาร่วมกิจกรรมและการประสานงานระหว่างประเทศ โดยมี นายสรสิริ  จันดีบุตร  ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอภูสิงห์ พร้อมด้วย นายบุญมี  เสนคราม กำนัน ต.ไพรพัฒนา ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ  กรรมการมูลนิธิหลวงปู่สรวง มาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
จ่าเอกสมควร  สิงห์คำ  นายอำเภอภูสิงห์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมนี้นอกจากจะเป็นการสืบสานงานประเพณีวันปีใหม่ของไทยกับกัมพูชาแล้ว ก็ยังจะเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชาให้มีความสัมพันธ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในกิจกรรมก็จะประกอบด้วยการทำบุญตักบาตร มีการสรงน้ำพระและมีการรดน้ำขอพรผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งกิจกรรมนี้ก็มีการจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานแล้ว โดยทางอำเภอภูสิงห์ร่วมกับวัดไพรพัฒนาและองค์การบริหารส่วนตำบลปลายพัฒนาร่วมกันจัดขึ้น โดยจะจัดขึ้นที่จุดผ่านแดนถาวรไทยกัมพูชาช่องสะงำ ในวันที่ 28 เมษายน 2567 เวลาจะเริ่มตั้งแต่ 08:30 น. เป็นต้นไป ประธานฝ่ายไทยได้เรียนเชิญผู้บัญชาการของสุนารีเป็นประธานฝ่ายไทย ส่วนประธานฝ่ายกัมพูชาได้เชิญผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชาเป็นประธาน ในส่วนของพลเรือนได้เรียนเชิญท่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย เป็นประธานฝ่ายพลเรือน ผู้ร่วมในระดับพื้นที่ก็จะมีนายอำเภอภูสิงห์ กับนายอำเภออัลลองเวงและหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ขอฝากเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านตามแนวชายแดนและทุกหมู่บ้าน ขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพราะว่าเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของไทย - กัมพูชาและเป็นงานประเพณีที่เป็นสิริมงคลในการที่จะทำบุญตักบาตรในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ไทยปีใหม่กัมพูชา และรดน้ำขอพรผู้ใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลซึ่งเราควรที่จะรักษาและต่อยอดต่อไป
พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม  ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา กล่าวว่า เจริญพรญาติโยมทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา ในวันที่ 28 เมษายน 2567 นี้ ทางจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย ร่วมกับทางจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชาได้ร่วมกันจัดพิธีสรงน้ำพระทำบุญตักบาตรและรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งกิจกรรมนี้ทางประเทศไทยและประเทศกัมพูชาได้ทำร่วมกันมาเป็นเวลาร่วม 10 ปีแล้ว ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาได้มีความมั่นคงรักใคร่ปรองดองกันเป็นพี่น้องกัน เป็นสันติภาพที่ถาวร สิ่งนี้จึงส่งผลให้การค้าขายทั้งไทยและกัมพูชาดำเนินไปด้วยดี  ในโอกาสที่จะจัดงานทำบุญตักบาตรสรงน้ำพระรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย – กัมพูชาในครั้งนี้ ก็ขอเจริญพรชาวพุทธไทยและชาวกัมพูชาพี่น้องทุกท่านได้มาร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกันด้วยขอเจริญพร///

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

นครสวรรค์| ชมรมข้าราชการบำนาญ อ.ท่าตะโก จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสานสัมพันธ์วันแม่

ชมรมข้าราชการบำนาญอำเภอท่าตะโก จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสายสัมพันธ์วันแม่ วันที่ 9  ส.ค.2567 ชมรมข้าราชการบำนาญอำเภอท่าตะโกได้จัดกิจ...