วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ศรีสะเกษl นักศึกษาพยาบาลผวาหนักโดน กยศ โทรขู่ให้ไปถอนเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรม

นักศึกษาพยาบาลผวาหนักโดน กยศ.โทรขู่ให้ไปถอนเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรม อ้างว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของกองทุน กยศ.ข่มขู่ว่าการที่นักศึกษาไปยื่นเรื่องร้องทุกข์จะทำให้นักศึกษาพยาบาลมีความผิดเนื่องจากเอกสารขอกู้เงินไม่ครบถ้วนถูกต้อง หากไปถอนเรื่องร้องทุกข์จะอนุมัติเงินกู้ให้ทันที 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ศรีสะเกษ นำโดย น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น อายุ 19 ปี  น.ส.สุดารัตน์ ทัพธานี อายุ 19 ปี น.ส.สุนิตา ตอรอโป นักศึกษาคณะพยาบาลจาก จ.ปัตตานี  น.ส.นูรียา มามะกูตง จาก จ.นราธิวาส  น.ส.นูรยันนะฮ์  ยูโซ๊ะ จาก จ.นราธิวาส  และนายอาหามะ ซาร์ จาก จ.ยะลาเบตง  ซึ่งทุกคนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษ ได้เข้าไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กับ นายบุญชวัฒน์ ปัญช์ณ์ญาแดง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ  เนื่องจากว่า นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 จำนวน 42 คน ที่ได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไปนานหลายเดือนแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แต่อย่างใด  ทำให้นักศึกษาทุกคนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมาก  เพราะว่า ไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการครองชีพและค่าใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียน  ล่าสุดบรรดานักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ได้พากันเดินเรี่ยไรเงินกันจากเพื่อนนักศึกษา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ โดยคณะนักศึกษาพยาบาลได้ส่งตัวแทนไปจำนวน 4 คน นำโดย น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น พร้อมด้วย น.ส.สุนิตา  ตอรอโป น.ส.นูรียา มามะกูตง และน.ส.นูรยันนะฮ์  ยูโซ๊ะ ได้ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก นายเศรษฐา  ทวีสิน นายก รมต.และ รมว.กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่  1 ธ.ค. 2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ  บรรดานักศึกษาพยาบาลยังคงพากันมาเรียนหนังสือตามปกติ  แต่ว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา  เนื่องจากว่า บรรดาตัวแทนของนักศึกษาที่ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ และไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กับ รมว.กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ ได้ถูกบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของกองทุน กยศ.โทรศัพท์มาข่มขู่ให้ไปถอนเรื่องร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ และที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ โดยหากว่า นักศึกษาไปถอนเรื่องร้องทุกข์จะอนุมัติเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้ทันทีเป็นการแลกเปลี่ยน  
น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น อายุ 19 ปี ตัวแทนของนักศึกษาพยาบาลที่ไม่ได้รับการอนุมัติเงินกู้ยืมจากกองทุน กยศ.และเป็นผู้ร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า  เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา  ตนได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่งอ้างว่า เป็นผู้บริหารระดับสูงของกองทุน กยศ. โดยได้แจ้งให้ตนทราบว่า ที่ตนกับพวกไม่ได้รับอนุมัติให้กู้เงิน กยศ.นั้นเนื่องจากว่าเอกสารของพวกตนยังไม่ครบถ้วน การพิจารณาเกิดความล่าช้าเพราะว่าเอกสารของพวกตนผิดพลาด  ซึ่งผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของ กยศ.บอกว่า หาก กยศ.มีการพิจารณาอนุมัติให้พวกตนกู้ยืมเงินได้  ตนก็อาจจะมีความผิดไปด้วยที่ส่งเอกสารกู้เงินไม่ครบทำให้ตนและเพื่อนทุกคนมีความหวาดกลัวมาก โดยเค้าแจ้งให้ทราบว่าให้ไปถอนคำร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ โดยทาง กยศ.แจ้งว่าจะทำเอกสารให้พวกตนใหม่คือจะทำเอกสารทั้งหมดให้ใหม่และเรื่องก็จะจบลงเค้าบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปยื่นหนังสือ คำร้องอะไรทั้งสิ้นเดี๋ยวพี่จะทำให้ใหม่

น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น อายุ 19 ปี กล่าวต่อไปว่า  ซึ่งตอนนั้นตนได้ยินเสียงขู่มาอย่างนี้ทำให้ ตนรู้สึกหวาดกลัวมากและทำตัวไม่ถูกเพราะกลัวมากและจะไปยกเลิกคำร้องแล้ว ที่ตนมีความหวาดกลัวเพราะว่าตนเกรงว่าตนกับเพื่อนจะไม่มีเงินเรียนหนังสือ และเกรงว่าอาจจะทำผิดกฎหมายด้วย เพราะว่าเอกสารขอกู้เงินทั้งหมดไม่ครบ จากการที่ตนได้ไปสอบถามเรื่องนี้จากทางอาจารย์ที่กองทุนแล้ว อาจารย์ก็บอกว่าเราไม่ผิดนะแต่ถ้าเอกสารเราไม่ครบทาง กยศ. ควรที่จะตีกลับลงมาเพื่อให้พวกเราได้แก้ไขไม่ใช่รอมานานกว่า 8 เดือนแบบนี้ กยศ.ไม่ควรปล่อยให้เรื่องเนิ่นนานระยะเวลายาวมาจนถึงขนาดนี้ ซึ่งการที่ทาง กยศ.โทรมา เช่นนี้ตนกลัวว่าจะไม่ได้เรียนพยาบาลอีกต่อไป ตนจึงได้ไปบอกอาจารย์ว่าพวกตนจะไปยกเลิกคำร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ เพราะว่าเกรงว่าจะไม่ได้เงินกู้ยืมจากทาง กยศ. มาใช้ในการเล่าเรียนต่อไป ซึ่งตนก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเค้าจะโทรมาข่มขู่ตนแบบนี้

น.ส.ปัทมวรรณ กล่าวด้วยว่า  พอได้ยินคำพูดของทาง กยศ. ทำให้ตนเกิดความตกใจมากทำตัวไม่ถูกกลัวมาก โดยเสียงที่โทรมาเป็นเสียงผู้หญิง ตอนช่วงที่ได้รับโทรศัพท์ตนตกใจมากจนนั่งร้องไห้ เพราะกลัวไม่ได้เรียน ไม่มีตังค์เรียนหนังสือ เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นความหวังเดียวที่มีอยู่ที่ตนจะได้เรียนต่อ ฐานะทางบ้านของตนก็ไม่ได้ดีหาเช้ากินค่ำผู้ปกครองก็ไม่ได้มีงานประจำจะได้มีเงินส่งเสียให้ตนเรียนหนังสือ ครอบครัวของตนใช้ชีวิตแบบชนบททั่วไป  สำหรับเงินกู้ที่ขอกู้ยืมไปนี้ กยศ.เป็นแสงสว่างเดียวที่จะทำให้ตนได้เรียนพยาบาลต่อไป ตนขอความเมตตาจาก ฯฯพณฯเศรษฐา  ทวีสิน นายก รมต.และ รมว.กระทรวงการคลัง และผู้มีอำนาจทุกคนใน กยศ. ว่า อยากให้ กยศ. ช่วยเหลืออนุมัติเงินกู้ยืมเรียนให้พวกตนด้วย โดยควรพิจารณาคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ก็ควรอนุมัติให้กู้เงินไปก่อน ส่วนนักศึกษาคนใดที่ขอกู้และต้องการเอกสารไปเพิ่มเติมหรือว่าแก้ไขอย่างไรก็ควรเร่งให้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเพื่อจะได้รับอนุมัติเงินกู้นำเอาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพและเป็นค่าเล่าเรียนต่อไป เพราะว่านักศึกษาที่ยื่นกู้เงินเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในส่วนนี้ ไม่ใช่มากักเรื่องเอาไว้แบบนี้  ทำให้นักศึกษาพยาบาลหลายคนได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะว่าไม่มีเงินทั้งค่าครองชีพและค่าเทอมใช้จ่าย ขอฝาก กยศ.ได้โปรดเห็นใจพวกตนด้วย พวกตนก็อยากมีอนาคตที่ดีต่อไปในภายภาคหน้า//

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษl คนเกิดใหม่น้อยผู้สูงอายุมีมาก รพ.ศรีสะเกษ เปิดคลินิกส่งเสริมการมีบุตร พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตร อย่างเต็มที่

คนเกิดใหม่น้อยผู้สูงอายุมีมาก รพ.ศรีสะเกษ เปิดคลินิกส่งเสริมการมีบุตรพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตรอย่างเต็มที่ เน้นการส่งเสริมให้เกิดหรือเพิ่มประชากรเพื่อสร้างครอบครัวที่มีคุณภาพ สร้างระบบที่ดีและเอื้อต่อการเลี้ยงดูเด็ก
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องตรวจสูติ-นรีเวช อาคารผู้ป่วยนอก ชั้น 2  โรงพยาบาลศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นพ.สมฤกษ์  จึงสมาน  ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดคลินิกส่งเสริมการมีบุตร ซึ่ง รพ.ศรีสะเกษ ได้จัดทำคลินิกนี้ขึ้น ตามนโยบายของ นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว  รมว.กระทรวงสาธารณสุข  โดยมี  นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ เป็นผู้กล่าวรายงาน และมี นพ.ทนง  วีระแสงพงศ์  นพ.สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย ผอ.รพ.ทุกแห่งในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ คณะแพทย์ พยาบาล รพ.ศรีสะเกษมาร่วมพิธี 
นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสะเกษ กล่าวว่า    ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร เนื่องจากประชากรวัยทำงานและเด็กกำลังมีสัดส่วนลดลงเพราะเด็กเกิดน้อยลงมาโดยตลอด ในขณะที่สัดส่วนของผู้สูงอายุกำลังเพิ่มขึ้นตลอดเวลา สาเหตุหลักมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ และค่านิยมการมีบุตรที่เปลี่ยนแปลงไป  ประกอบกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้โรงพยาบาลมีคลินิกส่งเสริมการมีบุตร โรงพยาบาลศรีสะเกษได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงจัดตั้งคลินิกส่งเสริมการมีบุตร (Fertility clinic) ขึ้นโดยมีการให้บริการดังนี้ การให้คำปรึกษาเรื่องการมีบุตร  การวางแผนครอบครัว  ประเมินและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ การประเมินสาเหตุ สืบค้นเพื่อหาสาเหตุภาวะมีบุตรยากเบื้องต้น การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ การกระตุ้นไข่และเหนี่ยวนำการตกไข่ การฉีดอสุจิเข้าโพรงมดลูก (IUI : Intrauterine insemination)  ตนจึงขอเชิญผู้ที่มีบุตรยากและอยากมีบุตรมาเข้ารับการปรึกษาได้

นพ.สมฤกษ์  จึงสมาน  ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 กล่าวว่า จากข้อมูลจากสถิติสาธารณสุขปี 2565 พบว่าประเทศไทยมีจำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงเหลือเพียง 485,085 คน ซึ่งเป็นจำนวนการเกิดที่ต่ำที่สุดและเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่ประเทศไทยมีเด็กเกิดใหม่ต่ำกว่า 500,000 คน สวนทางกับจำนวนผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 2565 มีประชากรผู้สูงอายุมากถึงกว่า 12 ล้านคน  เด็กที่เกิดน้อยและสัดส่วนของผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น หมายถึงจำนวนแรงงานของประเทศที่ลดน้อยลง ย่อมส่งผลต่อกำลังการผลิตที่ลดลง ผลผลิตโดยรวมของประเทศที่ลดลง รายได้และการจัดเก็บภาษีที่ลดลง ดังนั้นจำนวนประชากรที่ลดลงอย่างมากจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างใหญ่หลวง ทั้งนี้ การส่งเสริมให้เกิดหรือเพิ่มประชากรจะต้องคำนึงถึงการสร้างครอบครัวที่มีคุณภาพ สร้างระบบที่ดีและเอื้อต่อการเลี้ยงดูเด็ก เพื่อยกระดับประชากรให้เติบโตเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ มีระบบที่ทำให้ประชาชนมีความมั่นคงทางการเงิน เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมในสังคมที่ดี และเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยสูงอายุ ก็มีระบบการดูแลที่ดีไปจนกระทั่งเสียชีวิต ทั้งหมดนี้นำมาสู่ความจำเป็นในการจัดทำนโยบายส่งเสริมการมีบุตร ที่ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาร่วมกันขับเคลื่อน 

นพ.สมฤกษ์  จึงสมาน  ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 กล่าวต่อไปว่า คนที่เขามีคู่แล้วมีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสมมีบุตรยากจริงๆ ซึ่งปัจจุบันนี้คนแบบนี้ถ้าจะต้องทำการกระตุ้นให้มีบุตรโดยวิธีการ 2 ระดับคือการฉีดสเปิร์มเข้าไปในมดลูกหรือระดับที่สูงก็คือที่เรารู้จักกันก็คือเด็กหลอดแก้ว ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายตลอดเพราะฉะนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงเห็นความสำคัญเรื่องนี้จึงให้เปิดคลินิกส่งเสริมการมีบุตรและส่งเสริมให้เป็นสิทธิประโยชน์เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนอยากมีบุตรซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศคนไม่อยากพี่บุตรค่อนข้างเยอะมาก เนื่องจากว่าจากการสำรวจคนที่มีคู่แล้วพบว่าร้อยละ 70 ถึง 80% ยังไม่อยากมีบุตรยังไม่อยากมีลูกเนื่องจากว่าความไม่พร้อมของคนวัยหนุ่มสาวและกังวลว่าจะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ดี ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องหนึ่งที่ท่าน รมว.กระทรวงสาธารณสุขเองจะได้ผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่จะสร้างปัจจัยลดค่าใช้จ่ายด้านการเลี้ยงดูเด็กที่เหมาะสมให้ ช่วยทำให้คนวัยหนุ่มสาวมีความมั่นใจว่าลูกที่เกิดออกมาแล้วนี้จะได้รับการเลี้ยงดูแลอย่างมีคุณภาพ ตนถือว่าเรื่องนี้เป็นข่าวดีของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนที่มีบุตรยากก่อนและอยากมีบุตร ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ ท่าน รมว.กระทรวงสาธารณสุขกำลังขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้และให้ทางโรงพยาบาลเปิดคลินิกส่งเสริมการมีบุตรเพื่อให้คำปรึกษาได้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับคนอยากมีบุตรได้เป็นอย่างดี///

ภาพ / ข่าว   ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษl ความคืบหน้า นศ.พยาบาล ร่ำไห้ กยศ ไม่อนุมัติให้กู้ส่งตัวแทนบุก กระทรวงการคลัง ยื่นหนังสือร้องทุกข์ ถึง รมว กระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาช่วยเหลือเร่งด่วน

ความคืบหน้า นศ.พยาบาล ร่ำไห้ กยศ.ไม่อนุมัติให้กู้เงินส่งตัวแทนบุกกระทรวงการคลัง ยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึง รมว.กระทรวงการคลังเพื่อขอให้พิจารณาช่วยเหลือด่วนที่สุด เนื่องจากอาจจะต้องหยุดเรียนและใกล้จะอดตายแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ศรีสะเกษจำนวน 20  คนนำโดย น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น อายุ 19 ปี  น.ส.สุดารัตน์ ทัพธานี อายุ 19 ปี  น.ส.สุนิตา ตอรอโป นักศึกษาคณะพยาบาลจาก จ.ปัตตานี  น.ส.นูรียา มามะกูตง จาก จ.นราธิวาส  น.ส.นูรยันนะฮ์  ยูโซ๊ะ จาก จ.นราธิวาส  และนายอาหามะ ซาร์ จาก จ.ยะลาเบตง  ซึ่งทุกคนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษ ได้เข้ามายื่นหนังสือร้องทุกข์กับ นายบุญชวัฒน์ ปัญช์ณ์ญาแดง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ  เนื่องจากว่า นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 จำนวน 42 คน ที่ได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไปนานหลายเดือนแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แต่อย่างใด  ทำให้นักศึกษาทุกคนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมาก  เพราะว่า ไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการครองชีพและค่าใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับการเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ ซึ่ง นศ.พยาบาลได้ร่ำไห้ เนื่องจากว่า อาจจะไม่ได้เรียนต่อเพราะว่า ไม่มีเงินค่าเล่าเรียน ล่าสุดบรรดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ได้พากันเดินเรี่ยไรเงินกันจากเพื่อนนักศึกษา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในที่จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ จากนั้น คณะตัวแทนนักศึกษาได้มารวมตัวกันเพื่อนัดหมายที่จะเดินทางเข้าไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก นายเศรษฐา  ทวีสิน รมว.กระทรวงการคลัง  ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่  29 พ.ย.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ                 น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น อายุ 19 ปี พร้อมด้วย น.ส.สุนิตา ตอรอโป นักศึกษาคณะพยาบาลจาก จ.ปัตตานี  น.ส.นูรียา มามะกูตง จาก จ.นราธิวาส  และน.ส.นูรยันนะฮ์  ยูโซ๊ะ จาก จ.นราธิวาส   โดยทุกคนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นตัวแทนของนักศึกษาคณะพยาบาลที่ยื่นเรื่องขอกู้เงินจากกองทุน กยศ. นานกว่า 8 เดือนแล้วแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ จึงได้พากันมายื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน รมว.กระทรวงการคลังเพื่อขอร้องทุกข์และขอให้พิจารณาให้การช่วยเหลือโดยด่วนที่สุดด้วย  ซึ่งปรากฏว่า  เมื่อมาถึงกระทรวงการคลัง ได้มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่ของกองทุน กยศ.มาดักรออยู่  โดยแจ้งว่า ขอให้คณะนักศึกษาไปเจรจาพูดคุยกับทาง กยศ.ก่อน แต่ว่า ตัวแทนนักศึกษาไม่ยอมไปเจรจาด้วย เนื่องจากว่า ต้องการที่จะยื่นหนังสือขอร้องทุกข์ถึง นายเศรษฐา  ทวีสิน  นายก รมต.และ รมว.กระทรวงการคลังเท่านั้น และต่อมา ได้มี น.ส.กมลทิพย์ เผ่าทอง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ตัวแทนสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงมารับหนังสือจากตัวแทนนักศึกษาพยาบาล  จากนั้น น.ส.กมลทิพย์ เผ่าทอง ได้ขอให้ตัวแทนคณะนักศึกษาพยาบาลไปพบกับคณะเจ้าหน้าที่ของกองทุน กยศ. เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจให้ทราบข้อติดขัดข้อง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วยอ้างว่าเป็นข้อมูลความลับส่วนบุคคล ซึ่งตัวแทนนักศึกษาพยาบาลได้ขึ้นไปพบกับเจ้าหน้าที่กองทุน กยศ.ที่ห้องประชุมของกระทรวงการคลัง โดยกองทุน กยศ.ใช้เวลาในการประชุมชี้แจงประมาณ 45 นาทีนักศึกษาพยาบาลจึงได้พากันออกมาจากห้องประชุมด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจ
นางสาวปัทมวรรณ  พันธุ์อุ่น อายุ 19 ปี ตัวแทนของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่พวกตนมาในครั้งนี้ เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ จากท่านเศรษฐา  ทวีสิน  รมว.กระทรวงการคลัง ทั้งนี้เนื่องจากว่าพวกตนได้ยื่นคำร้องขอกู้เงินจาก กยศ. ตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา จนขณะนี้ระยะเวลาได้ผ่านไปนานกว่า 8 เดือนแล้ว พวกตนยังไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้เงินจาก กยศ.ได้แต่อย่างใด เมื่อพวกตนได้โทรสอบถามไปยัง กยศ.ก็ได้รับคำตอบว่าให้รอไปก่อนเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ซึ่งพวกตนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพและค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งหากว่าการที่พวกตนยื่นคำร้องขอกู้เงินจาก กยศ. แล้ว ทาง กยศ. เห็นว่าเอกสารหลักฐานพวกตนไม่ถูกต้องก็ควรที่จะแจ้งให้พวกตนทราบไม่ใช่ปล่อยให้ระยะเวลาผ่านไปนานกว่า  8 เดือน เวลาที่พวกตนโทรศัพท์สอบถามมาก็มีแต่บอกว่าให้รอไปก่อนเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ส่วนที่ทาง กยศ. บอกว่าพวกตนไม่เข้าเงื่อนไขการขอกู้เงิน เช่น บอกว่ามีงานทำอยู่แล้วนั้น พวกตนเป็นนักศึกษาพยาบาลจะต้องเรียนเต็มเวลาจะเอาเวลาไหนไปทำงานหาเลี้ยงชีพเป็นรายได้ จะทำงานก็ต่อเมื่อกลับไปบ้านช่วยพ่อแม่กวาดบ้านทำงานบ้านเท่านั้น 

นางสาวปัทมวรรณ  พันธุ์อุ่น อายุ 19 ปี ตัวแทนของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1   กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้ตนเห็นว่าทาง กยศ. ควรจะแยกแยะออกว่า หากเอกสารหลักฐานคำขอกู้ของนักศึกษาคนใดถูกต้องก็ควรที่จะอนุมัติให้กู้เงินไปก่อนได้ และหากว่าเอกสารของผู้ใดไม่ถูกต้องก็ควรแจ้งให้ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมโดยด่วนที่สุดเพื่อไม่ให้การศึกษาเล่าเรียนของเด็กต้องหยุดไป เนื่องจากว่าพวกตนนักศึกษาพยาบาลไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพและไม่มีค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียน การที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานร่วม 1 ปีโดยที่ เด็กนักศึกษาพยาบาลไม่ทราบผลการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ เป็นการบีบคั้นทางจิตใจของพวกตนเป็นอย่างมากเด็กต้องการเรียนหนังสือ แต่ว่าการอนุมัติเงินกู้ยืมเรียนของ กยศ. เป็นไปอย่างล่าช้ามาก แม้แต่การที่พวกตนจะพากันมายื่นหนังสือร้องทุกข์ถึงท่าน  รมว.กระทรวงการคลังเพื่อขอความเมตตาให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ ทาง กยศ.ก็พยายามสกัดกั้นไม่ให้พวกตนมายื่นหนังสือทำให้พวกตนเสียขวัญกำลังใจเป็นอย่างมาก  พวกตนจึงขอความเมตตาจาก ฯพณฯเศรษฐา  ทวีสิน นายก รมต.และ รมว.กระทรวงการคลัง โปรดพิจารณาให้การช่วยเหลืออนุมัติเงินกู้ยืมเรียนให้กับพวกตนโดยด่วนด้วย

ทางด้าน น.ส.กมลทิพย์ เผ่าทอง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ตัวแทนสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มารับหนังสือจากตัวแทนของคณะนักศึกษาพยาบาล กล่าวว่า  เรื่องนี้ตนจะรายงานให้ รมว.กระทรวงการคลังทราบโดยด่วนที่สุด  และจะได้ประสานงานกับทางกองทุน กยศ. เพื่อให้เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการช่วยเหลือนักศึกษาพยาบาล ซึ่งจะดำเนินการโดยเร่งด่วนที่สุดต่อไป//

 ภาพ / ข่าว ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ศรีสะเกษl ความคืบหน้า นศ.พยาบาล ร่ำไห้ กยศ ไม่อนุมัติให้กู้เงินเตรียมบุกกระทรวงการคลัง

คืบหน้า นศ.พยาบาล ร่ำไห้ กยศ.ไม่อนุมัติให้กู้เงินเตรียมบุกกระทรวงการคลัง  เรี่ยไรเงินเป็นค่าตั๋วรถไฟไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ รมว.กระทรวงการคลัง โดยนัดหมายกันออกเดินทางเย็นนี้  ขณะที่ ผอ.รพ.ศรีสะเกษ ไปเยี่ยมให้กำลังใจ นศ.พยาบาล ด้าน ผวจ.เร่งรัดประสานงานกับ กยศ.ให้เร่งช่วยเหลือ นศ.โดยด่วนที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่ได้มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษจำนวน 20  คนนำโดย น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น อายุ 19 ปี  น.ส.สุดารัตน์ ทัพธานี อายุ 19 ปี   น.ส.สุนิตา ตอรอโป นักศึกษาคณะพยาบาลจาก จ.ปัตตานี  น.ส.นูรียา มามะกูตง จาก จ.นราธิวาส  น.ส.นูรยันนะฮ์  ยูโซ๊ะ จาก จ.นราธิวาส  และนายอาหามะ ซาร์ จาก จ.ยะลาเบตง  ซึ่งทุกคนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษ ได้เข้ามายื่นหนังสือร้องทุกข์กับ นายบุญชวัฒน์ ปัญช์ณ์ญาแดง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ  เนื่องจากว่า นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 จำนวน 42 คน ที่ได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไปนานหลายเดือนแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แต่อย่างใด  ทำให้นักศึกษาทุกคนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมาก  เพราะว่า ไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการครองชีพและค่าใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับการเรียนคณะพยาบาลศาสตร์ ซึ่ง นศ.พยาบาลได้ร่ำไห้ เนื่องจากว่า อาจจะไม่ได้เรียนต่อเพราะว่า ไม่มีเงินค่าเล่าเรียน ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ บรรดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ได้พากันเดินเร่ายไรเงินกันจากเพื่อนนักศึกษา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ จากนั้น คณะตัวแทนนักศึกษาได้มารวมตัวกันเพื่อนัดหมายที่จะเดินทางเข้าไป   ไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก นายเศรษฐา  ทวีสิน รมว.กระทรวงการคลัง เนื่องจากว่านักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่1 จำนวน 42  คน ได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินจากกองทุน กยศ. ไปตั้งแต่เดือน เมษายน 2566 เป็นเวลานานกว่า 8 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้เงินได้จากกองทุน กยศ.แต่อย่างใด ขณะเดียวกันได้มีผู้บริหารระดับสูงของกองทุน กยศ.คนหนึ่งโทรศัพท์มาข่มขู่กับแกนนำของนักศึกษาพยาบาลที่ได้รับความเดือดร้อนจากที่ไม่ได้รับการอนุมัติอนุมัติให้กู้ยืมเงินได้ว่า ถึงแม้จะพากันนั่งรถไฟเข้ามายื่นหนังสือที่กรุงเทพ ก็จะไม่อนุมัติ เนื่องจากว่าเอกสารหลักฐานยังไม่ครบถ้วนถูกต้องและมีที่จะต้องดำเนินการแก้ไขในหลายส่วนด้วยกัน ไม่ให้นักศึกษาพยาบาลเข้ามายื่นหนังสือที่กระทรวงการคลังอย่างเด็ดขาด ต่อมา  นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง  ผอ.รพ.ศรีสะเกษและคณะ ได้เดินทางมาพบกับคณะนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 เพื่อมาเยี่ยมให้กำลังใจกับนักศึกษาพยาบาลทุกคนเนื่องจากเห็นว่านักศึกษาพยาบาลเป็นสาขาวิชาชีพขาดแคลนและจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เพื่อให้สำเร็จการศึกษาออกไปรับใช้สังคมดูแลรักษาคนไข้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยต่อไป
  
น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น อายุ 19 ปี ตัวแทนนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่พวกตนยื่นกู้เงินนั้นก็เป็นการยื่นกู้ตามสิทธิ์อันพึงมีพึงได้ เพื่อต้องการนำเอาเงินกู้มาใช้จ่ายในการดำรงชีพและเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนพยาบาลศาสตร์ หากทางกองทุน กยศ. ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าเอกสารหลักฐานของพวกตนคนใดไม่ถูกต้องก็ควรที่จะต้องรีบดำเนินการแจ้งให้พวกตนได้ทำการแก้ไขเอกสารหลักฐานเพื่อให้ครบถ้วนถูกต้อง ไม่ใช่นำเอาเรื่องของพวกตนไปเก็บไว้นานกว่า  8 เดือนโดยที่ไม่มีการแจ้งให้แก้ไขแต่อย่างใด ทำให้พวกตนได้รับความเดือดร้อนมากแต่ว่าก็ได้รับความอนุเคราะห์จากทางมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาให้ตนและนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ทุกคนสามารถเข้าห้องสอบและเรียนได้ตามปกติ พวกตนจึงต้องการให้ทาง กยศ. ให้ความเป็นธรรมกับพวกตนและควรที่จะพิจารณาอนุมัติเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้กับพวกตนโดยด่วนด้วย โดยควรที่จะแยกแยะออกไปว่าหากใครมีเอกสารหลักฐานครบถ้วนถูกต้องก็สมควรที่จะได้รับการอนุมัติให้กู้เงินได้ ไม่ใช่เหมารวมไปทั้งหมด และทำให้พวกตนคณะนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 1  ทั้ง 42 คนไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้เงินได้ ซึ่งการที่ทางกองทุน กยศ. ทำเช่นนี้ จะทำให้พวกตนนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ทุกคนอาจจะไม่ได้เรียนต่อและเสียโอกาสที่จะเรียนรู้วิชาพยาบาลให้สำเร็จเพื่อออกไปทำงานรับใช้สังคมเพื่อดูแลรักษาคนป่วยไข้ซึ่งเป็นวิชาชีพของทางพยาบาล พวกตนได้หมายกันแล้วจะส่งตัวแทนจำนวนหนึ่งขึ้นรถไฟเพื่อเข้ามายื่นหนังสือร้องทุกข์กับท่าน รมว.กระทรวงการคลังที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้( 29 พ.ย.66) เวลา 09.00 น.

นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง  ผอ.รพ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนเห็นว่านักศึกษาพยาบาลทุกคนมีความตั้งใจที่จะเล่าเรียนหนังสือหาความรู้วิชาพยาบาลอย่างเต็มที่ ดังนั้นตนเห็นว่าหากไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้เงินกองทุน กยศ. ก็จะอาจจะทำให้นักศึกษาทุกคนขาดโอกาสในการเรียนรู้วิชาชีพพยาบาล ตนจึงขอฝากไปถึงผู้มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าหากไม่ขัดต่อระเบียบกฎหมายและผู้กู้รายใดมีเอกสารหลักฐานถูกต้องก็ควรที่จะเร่งรัดในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ให้โดยด่วนที่สุด และหากว่านักศึกษารายใดที่ยื่นกู้แล้วเอกสาร หลักฐานไม่ถูกต้องก็ควรที่จะรีบแจ้งให้นักศึกษาที่เอกสารหลักฐานไม่ถูกต้องเร่งดำเนินการแก้ไขเอกสารให้ถูกต้องเพื่อจะได้พิจารณาอนุมัติเงินกู้ให้นักศึกษาพยาบาลนำเอาเงินไปใช้ในการดำรงชีพ และเป็นค่าเล่าเรียนโดยด่วนต่อไป

ทางด้านนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า กรณีเรื่องร้องทุกข์ของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษนั้น ตนได้รับทราบเรื่องแล้วและตนได้สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษเร่งรัดในการดำเนินการประสานงานกับกองทุน กยศ. โดยด่วนที่สุด โดยได้มีการประสานงานไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (27 พ.ย.66) ซึ่งเป็นวันที่ได้รับเรื่อง ส่วนการพิจารณานั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของกองทุน กยศ. เมื่อตนได้ทราบเรื่องความเดือดร้อนของลูกหลานนักศึกษาก็ได้เร่งดำเนินการทันที และทราบว่าขณะนี้ทางกองทุน กยศ.ได้ดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้แล้ว โดยทราบว่ามีเอกสารหลักฐานบางส่วนไม่ถูกต้อง ซึ่งทาง กยศ. จะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อเป็นการให้การช่วยเหลือนักศึกษาพยาบาลที่ต้องการกู้เงินไปใช้เพื่อการศึกษาและเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพโดยด่วนต่อไป//

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ศรีสะเกษl ประธานสภาวัฒนธรรม นำชาวพุทธตักบาตรดอกไม้ใต้แสงจันทร์แห่งแรกของโลก

ประธานสภาวัฒนธรรม นำชาวพุทธตักบาตรดอกไม้ใต้แสงจันทร์แห่งแรกของโลก เพื่อสร้างความสมัครสมานสามัคคีของชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสังคม 
เมื่อเวลา 20.45  น. วันที่ 27 พ.ย.  2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าพิมลมังคลาราม ต.ทุ่งไชย อ.ทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นายวิทยา  วิรารัตน์  ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยคณะกรรมการสภาวัฒนธรรม ได้ชาวบ้านโนนแดงโนนม่วงและหมู่บ้านใกล้เคียงพากันแต่งกายด้วยชุดไทยอย่างสวยงามนำเอาดอกไม้มาร่วมกันตักบาตรดอกไม้ใต้แสงจันทร์ ตามโครงการทำบุญตักบาตร บูชาพระรัตนตรัย ใต้แสงจันทร์ สืบสานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2566 โดยได้รับความเมตตาจากเจ้าคุณพระศรีญาณวิเทศ (พิมล ญาณวิมโล) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำมิชิแกน เมือง สเตอริงไฮด์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา และเจ้าอาวาสวัดป่าพิมลมังคลาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และได้นำคณะสงฆ์ออกรับบิณฑบาตดอกไม้สดจากชาวพุทธที่พากันมาร่วมพิธีตักบาตรจำนวนมาก และก่อนหน้านี้ได้มีการจัดงานประเพณีลอยกระทงในหนองหิน ซึ่งเป็นหนองน้ำโบราณ ผู้มาร่วมลอยกระทงได้นำเอากระทงที่ทำด้วยวัสดุธรรมชาติมาใช้ในการลอยกระทง โดยได้มีการจัดตกแต่งประดับประดาตกแต่งรอบบริเวณวัดอย่างสวยงามมาก   โดยมี นายเด่นนคร ขาวสะอาด ผอ.ร.ร.ห้วยทับทันวิทยาคมและประธานคณะกรรมการวัดป่าพิมลมังคลาราม นายมหาหิงค์  ไพรสิน  นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง  นายสว่าง ดวงอาจ นายก อบต.ทุ่งไชย  นำชาวพุทธมาร่วมพิธีครั้งนี้จำนวนมาก

เจ้าคุณพระศรีญาณวิเทศ (พิมล ญาณวิมโล) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำมิชิแกน เมืองสเตอริงไฮด์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา และเจ้าอาวาสวัดป่าพิมลมังคลาราม กล่าวว่า งานเพ็ญมาฆมาสตักบาตรดอกไม้ใต้แสงจันทร์นี้เป็นงานที่ท่านวัฒนา พุฒิชาติ อดีต ผวจ.ศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้เป็นจุดขายของวัดเรา โดยท่านได้กล่าวว่า หากใครนึกถึงงานทำบุญตักบาตรแสงจันทร์แล้วจะนึกถึงว่ามีที่เดียวในประเทศไทยและจะเป็นแห่งแรกของโลกที่มีการจัดพิธีตักบาตรดอกไม้ใต้แสงจันทร์  การจัดกิจกรรมนี้ก็คืออยากจะให้ชุมชนมีกิจกรรมร่วมกันเรียกว่าเอากิจกรรมตักบาตรใต้แสงจันทร์ตักบาตรดอกไม้ไม่ได้ตักบาตรของฉัน แต่ว่าเป็นการตักบาตรดอกไม้เพื่อเป็นการให้เกิดความสามัคคีก่อให้เกิดความมีส่วนร่วม ในการทำกิจกรรมร่วมกันโดยผ่านกิจกรรมตักบาตรใต้แสงจันทร์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่วัดป่าพิมลมังคลารามดำเนินการมาได้ 3 ปีแล้ว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดความสามัคคีในชุมชนเป็นอย่างดียิ่ง
นายวิทยา วิรารัตน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า สภาวัฒนธรรม จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับ สำนักงานวัฒนธรรม จ.ศรีสะเกษ วัดป่าพิมลมังคลาราม และภาคีเครือข่ายทางวัฒนธรรม ตลอดจนพี่น้องประชาชน ต.ทุ่งไชย ต.โคกจาน และ ต.บุสูง ได้ร่วมกันจัดงานโครงการทำบุญตักบาตร บูชาพระรัตนตรัย ใต้แสงจันทร์ สืบสานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2566 ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานประเพณีทำบุญตักบาตรบูชาพระรัตนตรัย ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ที่ไม่เหมือนใครในประเทศไทย เพื่ออนุรักษ์ สืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม ประเพณีลอยกระทงให้เกิดความยั่งยืน เพื่อให้เยาวชน และประชาชน ได้แสดงออก และมีส่วนร่วมในกิจกรรมประเพณีลอยกระทง เพื่อสร้างความสมัครสมานสามัคคีของชุมชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสังคม ในการจัดงานดังกล่าวนี้ ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เป็นเงิน 50,000 บาท เพื่อบูรณาการงบประมาณ ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย และวัดป่าพิมลมังคลาราม โดยมีกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม การประกวดกระทง การประกวดนางนพมาศ การละเล่นพื้นบ้าน การสาธิตทำกระทง การสาธิตผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม และการตักบาตรดอกไม้ใต้แสงจันทร์//

 ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ 

ศรีสะเกษl นักศึกษาพยาบาลร่ำไห้กองทุนกู้ยืมเรียนยังไม่อนุมัติให้กู้เงินได้เดือดร้อนหนักมาก ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมและค่าดำรงชีพ อาจจะต้องหยุดเรียน

นักศึกษาพยาบาลร่ำไห้กองทุนกู้ยืมเรียนยังไม่อนุมัติให้กู้เงินได้เดือดร้อนหนักมาก อาจจะต้องหยุดเรียนพยาบาลเนื่องจากไม่มีเงินค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ วอนนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงการคลังช่วยเหลือด่วนด้วย เตรียมเรี่ยไรเงินเพื่อนนักศึกษาเพื่อเป็นค่าเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กับ รมว.กระทรวงการคลังในวันที่ 29 พ.ย.66
เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ  ศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ  ได้มีตัวแทนของนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา จำนวน 20  คนนำโดย                            น.ส.ปัทมวรรณ พันธ์อุ่น อายุ 19 ปี 112 ม.7 ต.ดูน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ น.ส.สุดารัตน์ ทัพธานี อายุ 19 ปี บ้านหนองบัว 90 ม.4 ต.หนองกุง อ.แกดำ จ.มหาสารคาม น.ส.สุนิตา ตอรอโป นักศึกษาคณะพยาบาลจาก        จ.ปัตตานี  น.ส.นูรียา มามะกูตง จาก จ.นราธิวาส  น.ส.นูรยันนะฮ์  ยูโซ๊ะ จาก จ.นราธิวาส  และนายอาหามะ ซาร์ จาก จ.ยะลาเบตง  ซึ่งทุกคนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา    ศรีสะเกษ ได้เข้ามายื่นหนังสือร้องทุกข์กับนายบุญชวัฒน์ ปัญช์ณ์ญาแดง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ  เนื่องจากว่า นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 จำนวน 42 คน ที่ได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ไปนานหลายเดือนแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้รับการอนุมัติจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แต่อย่างใด  ทำให้นักศึกษาทุกคนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมาก  เพราะว่า ไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการครองชีพและค่าใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับการเรียนคณะพยาบาลศาสตร์  จึงได้มาร้องทุกข์เพื่อขอให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ พิจารณาให้การช่วยเหลือโดยด่วนด้วย  ซึ่ง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด      ศรีสะเกษ ได้นำคณะนักศึกษาทุกคนเข้าไปในห้องประชุมศูนย์ดำรงจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเขียนเรื่องร้องทุกข์ตามระเบียบ และสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อจะได้รายงานให้ นายอนุพงศ์  สุขสมนิตย์  ผวจ.               ศรีสะเกษ ทราบ เพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุดต่อไป
น.ส.สุดารัตน์ ทัพธานี อายุ 19 ปี  นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา       ศรีสะเกษ กล่าวด้วยน้ำตาไหลอาบแก้มว่า ครอบครัวของตนมีฐานะยากจนมากตนจึงได้ตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อที่จะได้ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ภูมิใจ  คุณพ่อของตนทำงานคนเดียวหาเลี้ยงครอบครัวทำให้มีเงินมาใช้จ่ายในการเรียนหนังสือไม่ทัน ตนก็มีความหวังอยู่ที่กองทุนเงินกู้ยืมเรียน แต่ว่ากองทุนก็ยังไม่พิจารณาอนุมัติให้ซึ่งเวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้วตนไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายเป็นค่าเล่าเรียนรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการครองชีพประจำวัน ซึ่งพ่อของตนต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อมาส่งเสียให้ตนเรียนหนังสือ ทำให้ตนมีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันไม่พอใช้เพราะว่าเงินหายากมาก 

น.ส.สุดารัตน์ ทัพธานี อายุ 19 ปี   กล่าวด้วยน้ำตาไหลอาบแก้มต่อไปว่า ตนจึงขอกราบวิงวอนถึงท่านนายกรัฐมนตรี  ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ท่านปลัดกระทรวงการคลัง ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ขอให้ได้โปรดช่วยเหลือพวกตนด้วย เพราะว่าค่าใช้จ่ายประจำวันมีไม่เพียงพอ บางวันก็ต้องอดมื้อกินมื้อ ขอฝากถึงท่านผู้มีอำนาจและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยพิจารณาช่วยเหลือพวกตนด้วย ซึ่งพวกตนเพิ่งยื่นกู้เป็นครั้งแรกไม่ติดปัญหาอะไรทั้งสิ้นแต่ทำไมพวกตนต้องรอการอนุมัตินานมาก  พอสอบถามไปก็บอกว่าให้รออย่างเดียวพวกตนจะต้องรอไปถึงไหน รอให้พวกตนอดตายและต้องหยุดเรียนไปก่อนหรือ จึงจะอนุมัติเงินให้พวกตน พวกตนจะอดตายกันอยู่แล้ว ซึ่งหากว่าไม่ได้รับอนุมัติจากเงินกองทุนกู้ยืมเรียนพวกตนคงจะไม่ได้เรียนต่ออีกต่อไป ซึ่งตนได้พูดคุยกับทางผู้ปกครองแล้ว ทางผู้ปกครองก็บอกว่าถ้าไม่ได้รับการอนุมัติเงินก็อาจจะไม่ได้เรียนต่อเพราะว่าไม่มีค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน เนื่องจากว่าไม่พ่อแม่ไม่มีทุนทรัพย์ที่จะส่งเสียให้เรียนหนังสือคณะพยาบาลศาสตร์นั่นเอง

น.ส.สุนิตา ตอรอโป นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษ  จาก              จ.ปัตตานี  กล่าวว่า   พวกตนมีความฝันอยากที่จะเป็นพยาบาล แต่ว่าตนสอบที่อื่นไม่ได้ก็เลยมาสอบที่นี่เพราะว่าที่นี่เปิดโอกาสและยื่นโอกาสให้กับพวกตนที่เป็นชาวใต้ พวกตนจึงได้พากันมาเรียนที่นี่พวกตนจึงหวังในส่วนของกองทุนเพราะว่า จากบ้านของตนมาเรียนที่นี่ระยะทางกว่า 1,000 กม.มาจากปัตตานี นราธิวาสและยะลาซึ่งระยะทางไกลมาก ก็หวังว่าที่จะได้เงินทุนในส่วนของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)  แต่ว่ายังไม่อนุมัติให้กับพวกตนเลยสักที ซึ่งตนเป็นผู้กู้รายใหม่ที่พึ่งยื่นกู้พวกตนไม่ได้ทำผิดอะไรเลยเกี่ยวกับ  กยศ.ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกตนจึงไม่ได้เงินในส่วนที่พวกตนมีสิทธิ์ควรได้  ตนขอฝากถึงผู้มีอำนาจทุกท่าน ท่านผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เอง ขอให้ช่วยเหลือพวกตนด้วย ทุกเดือนที่เพื่อนของตนพากันกลับไปเยี่ยมบ้านแต่ว่าพวกตนยังรอเงิน กยศ. เพื่อที่จะนำเอาเงินนั้นมาจ่ายเป็นค่ารถไฟเพื่อกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้าน ถ้ายังไม่ได้เงินนี้พวกตนก็น่าที่จะต้องหยุดเรียนไม่ได้ไปต่อในหลักสูตรของคณะพยาบาล เพราะว่าค่าเล่าเรียนไม่ใช่ถูก ๆ และอีกอย่างก็คือเมื่อตนมีโอกาสมาเรียนแล้ว เหมือนกับว่าถ้าไม่ได้เงินกองทุน กยศ. ก็จะเป็นการตัดโอกาสของพวกหนูทั้ง 4 คนไปเลย พวกตนก็อาจจะไม่ได้เรียนต่อคณะพยาบาลศาสตร์อีกต่อไปแล้ว ซึ่งพวกตนได้ทำการเรี่ยไรเงินจากเพื่อนนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ทุกคนเพื่อนำเอามาเป็นใช้จ่ายในการค่าเดินทางเพื่อไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กับ รมว.กระทรวงการคลัง ในวันที่ 29 พ.ย.66 เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงการคลัง กรุงเทพฯ

นายบุญชวัฒน์ ปัญช์ณ์ญาแดง  ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า  เรื่องจากตนจะได้รายงานให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษทราบ และจะได้ทำหนังสือส่งไปถึงผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อขอให้พิจารณาเร่งรัดในการแก้ไขปัญหานี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนาศรีสะเกษโดยด่วนที่สุดต่อไป//

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ 

นครสวรรค์l วิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์ นำนักศึกษาคว้ารางวัลแข่งขันทักษะวิชาชีพและทักษะพื้นฐาน ประจำปีการศึกษา 2566 คว้ารางวัลชนะเลิศหลายรางวัล

วิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์  คว้ารางวัลการแข่งขันทักษะวิชาชีพและทักษะพื้นฐาน ระดับอาชีวศึกษาจังหวัดนครสวรรค์ 
ดร.ดารัตน์ ศิริวิริยะกุล วิภาตะกลัศ  ประธานคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษา  วิริยาลัยนครสวรรค์  แถลงต่อสื่อมวลชนนครสวรรค์ว่า  วิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์   ได้ส่งนักศึกษาเข้าร่วมการแข่งขันทักษะวิชาชีพและทักษะพื้นฐานระดับอาชีวศึกษาจังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีการศึกษา 2566 จัดโดยสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 13 – 14   พฤศจิกายน  2566  ณ วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์และวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์  ตามนโยบายในการยกระดับการจัดการแข่งขันทักษะวิชาชีพและทักษะพื้นฐานในระดับอาชีวศึกษาจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพนักศึกษาอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพมีมาตรฐานการศึกษาเป็นที่ยอมรับและสอดคล้องตามความต้องการของตลาดแรงงาน ในการนี้วิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์ ได้ส่งนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมและได้รับรางวัลจากการแข่งขันและการประกวดประเภทต่าง ๆ ดังนี้ 
รางวัลชนะเลิศการประกวดรักการอ่านภาษาไทย ได้แก่  นางสาวอิสรียา   แช่มชู  ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการจัดการ รางวัลชนะเลิศการประกวดกล่าวสุนทรพจน์ภาษาไทย ได้แก่ นางสาวน้ำเมย  วัฒนะศิริ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการบัญชี รางวัลชนะเลิศการประกวดการเล่านิทานพื้นบ้าน ได้แก่ นายสรจักร ดีแกง ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการบัญชี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การแข่งขันทักษะโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่องานบัญชี ได้แก่ นางสาวกนกวรรณ  แจ้งนิล และนางสาวพัชรินทร์  ย่องเหล่ายูง นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง  ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาการบัญชี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การแข่งขันการตอบปัญหาหน้าที่พลเมืองและประวัติศาสตร์ชาติไทย ระดับชั้น ปวช. ได้แก่ นางสาวณัฐพร  บริจันทร์ นักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาการตลาด และนางสาวชนิภรณ์  ปานกล่อม นักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง ได้แก่ นางสาวอทิตยา  นิลรัตนานนท์ นักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การประกวดร้องเพลงไทยสากลชาย ได้แก่ นายมงคลชัย  พิพิธทอง นักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล “ผลงานแห่งความสำเร็จของนักศึกษาในการแข่งขันทักษะวิชาชีพและการประกวดต่าง ๆ ในครั้งนี้เป็นข้อบ่งชี้ที่ประจักษ์ชัดว่า วิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์ได้จัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ  ซึ่งเป็นผลมาจากการที่คณะผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากรทุกคนมุ่งมั่นในการจัดการศึกษา มีการอบรมบ่มเพาะดูแลนักศึกษาอย่างดีที่สุดตามแนวทางการจัดการศึกษาอย่าง “สนุกอบอุ่น และมีคุณภาพ” สมกับที่ท่านผู้ปกครองของนักศึกษาได้มอบความไว้วางใจส่งบุตรหลานเข้าศึกษาต่อ ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์ และนับเป็นความภาคภูมิใจของชาววิริยาลัยนครสวรรค์ ทุกคนที่ได้นำชื่อเสียงมาสู่สถาบันการศึกษาของเราตลอดมา”  ดร.ดารัตน์ ศิริวิริยะกุล วิภาตะกลัศ ประธานคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์  กล่าวในท้ายที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ศรีสะเกษl แห่งแรกของโลก ม.เฉลิมกาญจนาทอดกฐินตกค้างพร้อมกัน 48 วัด

แห่งแรกของโลก ม.เฉลิมกาญจนาทอดกฐินตกค้างพร้อมกัน 48 วัด ลานตาต้นเงินกฐินกองเต็มเวที เพื่อหวังทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวถึง 5,000 ปีได้เงินถวายวัดร่วม 2,000,000  บาท
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ต.โพธิ์ อ.เมือง               จ.ศรีสะเกษ  ดร.สุชีราภรณ์   ธุวานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา และ ดร.พอพันธุ์  สนเจริญ  กรรมการสภามหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ได้เป็นประธานในพิธีทอดผ้ากฐินตกค้าง จำนวน 48 วัด ซึ่งเป็นวัดที่ไม่มีพุทธศาสนิกชนไปทอดกฐินแต่อย่างใด  ดร.สุชีราภรณ์และคณะ จึงได้จัดพิธีทอดผ้ากฐินในครั้งนี้ขึ้น โดยได้รับความเมตตาจาก พระวชิรสิทธิธาดา  เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนำคณะสงฆ์ จำนวน 48 วัดมารับถวายผ้ากฐิน ได้รับความเมตตาจาก พระครูสิริปริยัติการ รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าอาวาสวัดเพียนามและรักษาการเจ้าอาวาสวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม เป็นประธานนำพระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์สมโภชผ้ากฐิน  ซึ่งต้นเงินกฐินและผ้าไตรรวมทั้งเครื่องอัฐบริขาร มีการจัดตกแต่งอย่างสวยงามมาก  
โดยเริ่มพิธี ดร.สุชีราภรณ์ พร้อมคณะเจ้าภาพ ประจำกองกฐิน 48 กอง พร้อมอุ้มประคองผ้ากฐิน นำกล่าวถวายผ้ากฐิน ยกประเคนพระสงฆ์ตามลำดับทุกวัด  จากนั้น พระสงฆ์ทำพิธีอุปโลกน์ผ้ากฐิน คณะเจ้าภาพถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระวชิรสิทธิธาดา เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ พระสงฆ์อนุโมทนา ถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ จำนวน 169 รูป เป็นเสร็จพิธี  มีคณะญาติพี่น้อง คณะอาจารย์ นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา พากันแต่งกายด้วยชุดไทยอย่างสวยงามมาร่วมพิธีจำนวนมาก  โดยต้นเงินกฐินวางเต็มบริเวณหน้าเวทีของหอประชุมสวยงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง  และนับว่า เป็นครั้งแรกของโลกที่มีการทอดผ้ากฐินพร้อมกันถึง 48 วัดในวันเดียวกันนี้จนพิธีการเสร็จเรียบร้อย
ดร.สุชีราภรณ์   ธุวานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา กล่าวว่า  การจัดพิธีทอดผ้ากฐินในครั้งนี้ เนื่องจากทราบว่า มีวัด จำนวน 48 วัดของ จ.ศรีสะเกษไม่มีพุทธศาสนิกชนท่านใดมาทอดกฐิน  ดังนั้น เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ตนพร้อมด้วยครอบครัว ญาติพี่น้อง คณะอาจารย์ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา จึงได้จัดพิธีทอดผ้ากฐิน จำนวน 48 วัด ๆ ละ  30,000  บาท รวมเป็นเงินถวายวัดทั้งสิ้น จำนวน 1,440,000  บาท เพื่อเป็นการทำนุบำรุงสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวถึง 5,000 ปี  ตนขอฝากถึงชาวพุทธทั่วประเทศว่า ขอให้ช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและช่วยกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของเราเพื่อให้เข้มแข็งยืนยาวตลอดไปตราบนานเท่านาน///

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษl ความคืบหน้าหนุ่มเมาซิ่งปิคอัพวูบชนแรงดับ 8 ศพ

คืบหน้าหนุ่มเมาซิ่งปิคอัพวูบชนแหลกดับ 8 ศพสารวัตรกำนันเหยื่อตีนผีโดนชนอัดกำแพงวัดร่างขาด 2 ท่อน ขณะที่ ผวจ.ศรีสะเกษสั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปเยียวยาช่วยเหลือเต็มที่  ด้าน ผกก.สภ.ไพรบึง สั่งคัดค้านการประกันตัวหนุ่มตีนผี เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้เกิดเหตุรถปิคอัพพุ่งชนกับรถ จยย.ที่จอดนั่งดูหนังกลางแปลงบริเวณถนนหน้าวัดสำโรงพลัน หมู่ที่ 1 บ้านสำโรงพลัน ต.สำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ  ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 8 ราย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 6 ราย ล่าสุดญาติผู้เสียชีวิตได้พากันมาขอรับศพออกไปจาก รพ.ไพรบึง เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 26 พ.ย.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 14 บ้านตาโมกข์ ต.สำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ นายพีระพงศ์  หมื่นผ่อง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัชยุทธ  ศักดิ์ระพี  ผกก.สภ.ไพรบึง และคณะหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางมาเคารพศพของนายเผดิมพงษ์  จันคณา  อายุ  47 ปี  สารวัตรกำนัน ต.สำโรงพลัน ที่โดนรถปิคอัพพุ่งชนเสียชีวิตคาที่ข้างกำแพงวัดสำโรงพลัน ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ  เพื่อร่วมกันหาทางช่วยเหลือเยียวยา โดยมี นายสุกิจ  สามารถ  ผญบ.หมู่ 14 บ้านตาโมกข์ และบรรดาญาติพี่น้องของนายเผดิมพงษ์  มาช่วยกันจัดเตรียมงานศพกันอย่างเต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด 

นายสุกิจ  สามารถ  ผญบ.หมู่ 14 บ้านตาโมกข์ ซึ่งเป็นน้องเขยของนายเผดิมพงษ์ ที่เสียชีวิต  กล่าวว่า  ขณะเกิดเหตุ นายเผดิมพงษ์ พร้อมด้วย ผรส.จำนวนหนึ่ง ได้พากันมายืนรักษาความสงบเรียบร้อยที่บริเวณข้างถนน   เนื่องจากว่า ภาพยนตร์กำลังจะเลิกฉายแล้ว ปรากฏว่า ทันใดนั้นได้มีรถปิคอัพคันที่เกิดเหตุขับมาด้วยความเร็วสูงและรถได้พุ่งชนร่างของนายเผดิมพงษ์ ที่กำลังยืนรักษาความสงบอยู่ ทำให้ร่างของนายเผดิมพงษ์ ถูกชนติดกับอยู่กับหน้ารถ ซึ่งด้วยความเร็วของรถทำให้รถที่มีร่างของนายเผดิมพงษ์ติดอยู่ไปพุ่งอัดกับกำแพงวัดพังทะลาย ร่างของนายเผดิมพงษ์ โดนอัดหวิดขาด 2 ท่อน บริเวณเอวลงมา และเสียชีวิตคาที่ ทำให้ตนและครอบครัวเสียใจมาก

 ขณะที่เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (26 พ.ย.2566) ที่ผ่านมา ที่ รพ.ศรีสะเกษ  นายอนุพงศ์  สุขสมนิตย์  ผวจ.ศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ดร.นิภา คงเพชร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ นายพีระพงศ์ หมื่นผ่อง  หน.สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ และคณะหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและส่งตัวมาที่ รพ.ศรีสะเกษ จำนวนทั้งสิ้น 5 ราย ที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ โดย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ ได้นำเอากระเช้าไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยมี ร.ต.ท.หญิง กัลยาณี วรรณภาสนี รอง ผอ.รพ.ศรีสะเกษ ด้านกิจกรรมพิเศษ นำคณะแพทย์ พยาบาล ให้การต้อนรับ

น.ส.ณัชชนิกานต์ แสงเงิน ชาว อ.ไพรบึง หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ตนกำลังจะเดินไปดูหนังที่บ้านเพื่อน ขณะนั้นเพื่อนของตนได้พูดขึ้นว่า รถๆ ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด คิดว่าเพื่อนร้องเพลงเล่น จนกระทั่งเพื่อนมาดึงตัวตนออกไป ภาพวินาทีสุดท้ายเห็นเพียงรถคันก่อเหตุ กำลังพุ่งชนคนหนึ่ง ก่อนจะมาพุ่งชนตนจนปลิวออกมาอยู่ข้างๆ หลังจากเกิดเหตุนั้น ตนยังมีสติอยู่ ซึ่งหลังจากโดนชนตนนอนคว่ำหน้าอยู่ และพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ไม่สามารถลุกได้ ซึ่งตนคิดว่าขาคงหักแล้ว เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นว่า มีคนบาดเจ็บอยู่จำนวนมาก ซึ่งภาพแรกก่อนที่ตนจะถูกชนคือ รถคันนั้นวิ่งมาด้วยความเร็ว จนตนไม่สามารถหลบพ้นได้ 

นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า นายอนุพงศ์  สุขสมนิตย์  ผวจ.ศรีสะเกษ มีความห่วงใยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ จึงได้มอบหมายให้ตนและคณะมาเยี่ยม ซึ่งอาการของผู้บาดเจ็บที่มารักษาตัวอยู่ รพ.ศรีสะเกษ ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว มีเพียง 1 ราย ที่มีอาการโคม่า ต้องผ่าตัดสมอง ซึ่งคิดว่าอาการน่าจะพ้นขีดอันตรายได้ ซึ่งเบื้องต้นทางจังหวัดจะได้ดำเนินการเยียวยา ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัย ซึ่งเยียวยาทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และอาจจะดูในส่วนของกองทุนยุติธรรม ที่จะนำเข้ามาเสริม เพื่อเยียวยาผู้ประสบเหตุได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่ต่อไป

พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า  ตนได้ลงพื้นที่เกิดเหตุและสอบปากคำผู้ต้องหา ทำให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องหา เป็นคน จ.หนองคาย แต่มาทำงานที่ จ.สุรินทร์ ได้มาทำบุญกฐินที่ อ.ขุนหาญ  จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้ดื่มสุราอยู่ที่งาน และหลังจากเสร็จ ก็จะขับรถยนต์เดินทางกลับที่ จ.สุรินทร์ แต่ระหว่างได้ขับมาด้วยความเร็ว พร้อมอาการเมารถสุรา ซึ่งสามารถวัดได้ถึง 240 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุ ได้แหกโค้งพลิกคว่ำ ไปเฉี่ยวชนประชาชนที่อยู่บริเวณหน้าวัดที่มาเที่ยวงานบุญภายในวัด ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุร้ายแรงมาก ซึ่งผู้ก่อเหตุได้รับสารภาพในข้อกล่าวหา  ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย ขับรถในขณะมึนเมาสุรา ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน ยังไม่ให้ประกันตัว และจะนำไปฝากขังที่ศาล จ.กันทรลักษ์ ต่อไ 

พ.ต.อ.รัชยุทธ  ศักดิ์ระพี  ผกก.สภ.ไพรบึง  กล่าวว่า   ขณะนี้ผู้เสียชีวิตทั้ง 8 คน สามารถตรวจสอบชื่อได้แล้ว 7 คน ส่วนอีก 1 คน ยังไม่ทราบชื่อ  ซึ่งตนกำลังไล่ตรวจสอบจากทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่ประสบเหตุโดนชนว่า เป็นรถของใครบ้าง ส่วนการเยียวยาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น เบื้องต้นจะมีเงินจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถช่วยเหลือผู้เสียชีวิตรายละ 500,000 บาท  และมีเงินจากบริษัทประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุที่จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ครั้งละไม่เกิน 10 ล้านบาท  ให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 14 คน สำหรับผู้ต้องหารายนี้นั้น ตนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากว่า เป็นคดีร้ายแรงมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา///

ภาพ / ข่ว  ศิริเกษ หมายสุข  ผู้สื่อข่าวประจำ  จ.ศรีสะเกษ

นครสวรรค์| ชมรมข้าราชการบำนาญ อ.ท่าตะโก จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสานสัมพันธ์วันแม่

ชมรมข้าราชการบำนาญอำเภอท่าตะโก จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสายสัมพันธ์วันแม่ วันที่ 9  ส.ค.2567 ชมรมข้าราชการบำนาญอำเภอท่าตะโกได้จัดกิจ...