วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565

ศรีสะเกษ| ความคืบหน้า 2 ตายายโดนน้ำพัดจมหาย พบแล้วทั้ง 2 ศพ

 คืบหน้า 2 ตายายโดนน้ำพัดจมน้ำพบทั้ง 2 ศพแล้ว ลูกชายเศร้าเสียใจมากเผย 2 ตายายตักบาตรพระทุกเช้าแล้วจะไปเลี้ยงหลานให้เพราะว่าตนและภรรยาเป็นครูต้องไปสอนเด็ก น.ร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายสุวรรณ ยาศรี อายุ 80 ปี และ นางข่อง ยาศรี อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 10  บ้านหนองแวงใต้ ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ 2 ตายายเป็นสามีภรรยากัน ได้ขับขี่รถ จยย.ลุยลงไปในบริเวณฝายน้ำล้นบ้านหนองแวง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ  และได้ถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากพัดจมน้ำหายไปพร้อมด้วยรถ จยย. ต่อมาเช้าวันนี้ (30 ก.ย.65) นายภัทรพล  สารการ  นายอำเภอโนนคูณ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์  อักโข นายก อบต.หนองกุง กำนัน ต.หนองกุง ได้นำผู้นำชุมชน ชาวบ้านและญาติพี่น้องของ  2 ตายาย ที่จมน้ำหายไปตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 29 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา โดยได้มีการระดมชาวบ้านมาช่วยกันตามหาบริเวณฝายน้ำล้นและเดินค้นหาไปตาม 2 ข้างฝายน้ำล้น ตามเส้นทางที่น้ำไหลไป  พร้อมทั้งมีการลุยค้นหาในฝายน้ำล้น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น 
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้  เมื่อเวลา  12.00 น. วันที่ 30 ก.ย. 65  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ฝายน้ำล้นบ้านหนองแวง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ  นายไพฑูรย์  อักโข นายก อบต.หนองกุง พร้อมด้วย กำนัน ต.หนองกุง ได้นำผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสารณภัย อบต.หนองกุง เจ้าหน้าที่ อปพร. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยศรีสะเกษร่วมใจ อ.โนนคูณ ชาวบ้านและญาติพี่น้องของ  นายสุวรรณ ยาศรี อายุ 80 ปี และ นางข่อง ยาศรี อายุ 71 ปี 2 ตายายที่โดนกระแสน้ำที่ฝายน้ำล้นพัดหายไป โดยมีการระดมค้นหาตาม 2 ข้างลำห้วย และระดมค้นหาในน้ำใกล้กับฝายน้ำล้น  จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.30  น.วันเดียวกันนี้  ได้พบศพของ   นางข่อง ยาศรี ที่จมน้ำหายไป  โดยพบศพอยู่ในน้ำห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 2 กม.  ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันนำศพขึ้นมาบนฝั่งและใช้ผ้ามาห่อร่างของนางข่อง เอาไว้  ซึ่งเมื่อลูกหลานเห็นนางข่องเสียชีวิตแล้ว ได้พากันร้องไห้เข้าไปกอดศพคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา จากนั้น ได้แจ้งให้ ร.ต.อ.วิษณุ   วงษ์ณรงค์ ร้อยเวร สภ.โนนคูณ พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.โนนคูณ มาทำการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงได้มอบศพให้ญาตินำเอาไปตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านหนองแวง 
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า การค้นหายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. จึงพบร่างของนายนายสุวรรณ ยาศรี ลอยอยู่ในน้ำติดกับกอไผ่ ห่างจากฝายน้ำล้นที่เกิดเหตุประมาณ 1.5 กม. เจ้าหน้าที่และชาวบ้านจึงได้ช่วยกันนำร่างของนายสุวรรณขึ้นมาจากน้ำ จากนั้น  ร.ต.อ.วิษณุ   วงษ์ณรงค์ ร้อยเวร สภ.โนนคูณ ได้มาทำการตรวจสอบสภาพศพไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้ายทำให้เสียชีวิตแต่อย่างใด จึงได้ขอให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยศรีสะเกษร่วมใจ นำศพของนายสุวรรณ ส่งไปที่ รพ.โนนคูณ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรศพหาสาเหตุการเสียชีวิต  ซึ่งญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงได้มอบศพนายสุวรรณ ให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านหนองแวง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ ต่อไป

นายกิตติชัย  ยาศรี  อายุ 38 ปี ข้าราชการครู ร.ร.มัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกชายของ 2 ตายาย กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักว่า ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์หลังจากที่พ่อกับแม่ตักบาตรตอนเช้าเสร็จแล้ว   ก็จะไปช่วยเลี้ยงหลานซึ่งเป็นลูกของตน เพราะว่าตนกับภรรยาต้องแยกย้ายกันไปทำการสอนไปทำงานที่โรงเรียน ก็จะได้พ่อกับแม่เป็นคนช่วยดูแลลูก เพราะช่วงเย็นพอภรรยากลับมาพ่อกับแม่ของตนถึงจะได้พากันกลับมาบ้าน ประมาณ 4 โมงเย็นทุกวัน ในวันเกิดเหตุวันนั้นภรรยาของตนน่าจะสอบเด็กนักเรียนเสร็จเร็ว จึงได้กลับบ้านมาก่อนช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมงเศษ จึงได้ให้ปู่กับย่ากลับซึ่งภรรยาของตนได้บอกปู่และย่าว่า ฝายน้ำล้นหนองแวงน้ำไหลแรงให้กลับอีกทางหนึ่งก็คือกลับทางบ้านโนนรัง  ซึ่งตอนจะออกจากบ้านของตนปู่กับย่า บอกว่าไม่ต้องบอกเพราะว่า ปู่กับย่าจะกลับทางบ้านโนนรัง แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจถึงทำให้ปู่กับย่าขับรถ จยย.ไปทางฝายน้ำล้นแห่งนี้ ตำรวจบอกว่าพบศพคุณพ่อเวลาประมาณ 16.30 น. ส่วนคุณแม่ช่วงเวลาที่พบศพประมาณเที่ยงเศษ เพราะว่าเป็นช่วงที่ใกล้จะพักกินข้าวกันแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตนไม่รู้ว่าจะพูดยังไงแล้ว เพราะว่าต้องสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมกันทั้ง 2 คนโดยที่ไม่ได้สั่งเสียอะไรเลย ส่วนการกำหนดวันประกอบพิธีทางศาสนานั้นยังไม่ได้หารือกันกับญาติพี่น้อง อาจจะตั้งศพ 3 วัน 5 วันหรือ7 วันก็ได้ เพราะว่า พ่อของตนเป็นรองมัคทายกอยู่ที่วัดบ้านหนองแวง หลังจากแพทย์ชันสูตรศพเสร็จแล้วก็จะนำศพของพ่อไปตั้งศพคู่กันกับศพแม่ สวดพระอภิธรรมศพวันแรกที่วัดบ้านหนองแวงต่อไป///

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ 

ศรีสะเกษ| น้ำทะลักท่วมชุมชนโนนขวา ต.โพธิ์ อ.เมือง ถึงหลังคาช้าบ้างถอดข้าวของมากองไว้ริมถนน

น้ำทะลักท่วมชุมชนโนนเขวาถึงหลังคาชาวบ้านหอบข้าวของมากองไว้ริมถนน  
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 65  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชุมชนโนนเขวา ถนนเฉลิมราชย์ 60 ปี ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ  ปรากกฎว่า ได้มีน้ำจากลำห้วยสำราญไหลทะลักเข้าไปท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนโนนเขวา  ระดับน้ำท่วมสูงเร็วมาก ชาวบ้านต้องพากันเก็บข้าวของหอบหนีน้ำท่วมกันอย่างโกลาหล โดยนำเอาข้าวของมากองไว้ริมถนนเพื่อรอให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถานมาช่วยขนข้าวของไปไว้ยังที่ปลอด  ขณะที่นักศึกษาที่พากันมาเช่าหอพักอยู่ในบริเวณชุมชนโนนเขวา ต้องพากันหอบเอาเสื้อผ้าหนังสือเรียนหนีน้ำท่วมกันอย่างวุ่นวาย ส่วนบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ในที่สูงและน้ำกำลังจะท่วมถึงได้นำเอากระสอบมาวางกั้นประตูบ้านและตามรั้วบ้านเพื่อเตรียมป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าไปท่วมบ้านเรือนของตนเอง
น.ส.ชนิตา  ธนะกรณ์  อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1295/22 ถ.วิจิตรนคร ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ  กล่าวว่า  เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา น้ำจากลำห้วยสำราญได้ไหลทะลักขึ้นมาท่วมบ้านของตนเร็วมาก  ตนพร้อมด้วยพ่อแม่พี่น้องได้ช่วยกันขนข้าวของหนีน้ำท่วมกันโกลาหล  โดยจะขนเอาเสื้อผ้า ตู้เย็น พัดลม และข้าวสารหนีขึ้นมาอยู่บนที่สูง ซึ่งเวลาผ่านไปไม่นานน้ำก็ท่วมบ้านเรือนของตนแล้ว ซึ่งช่วงบ่ายที่ผ่านมาตนได้นั่งเรือเข้าไปดูบ้าน ปรากฏว่า  น้ำได้ท่วมบ้านถึงหลังคาแล้ว  ซึ่งตนและครอบครัวได้มาพักในเต็นท์ริมถนนเฉลิมราชย์ 60 ปี  ซึ่งทางเทศบาลเมืองศรีสะเกษได้จัดเตรียมไว้ให้และมีการแจกอาหารน้ำดื่มให้ด้วย
ส่วนที่ ต.หนองครก และ ต.หนองไผ่ อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ  นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ/ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ และคณะ ได้ออกไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณถนนเลี่ยงเมืองฝั่งทิศตะวันตก ที่ได้รับผลกระทบจากห้วยสำราญที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริเวณที่ได้รับผลกระทบเป็นที่สาธารณประโยชน์ และส่วนราชการ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ รวมทั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหงวิทยาเขตศรีสะเกษ  นายวิชาญ พันธ์นุเรณู ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงศรีสะเกษที่ 1  ร่วมกับที่ส่วนเกี่ยวข้อง ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกพร้อมทั้งการแจ้งเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรบนเส้นทางดังกล่าวแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่ริมถนนเฉลิมราชย์ 60 ปี  ชุมชนหนองหมู ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ,ปลัด ทม.ศรีสะเกษ,ผอ.กองสาธารณะสุขฯ,เจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ได้ร่วมบริจาคข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม  ยากันยุง และสิ่งของจำเป็นต่างๆ นำเอาไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยชุมชนหนองหมูที่พากันมาพักอาศัยอยู่ในเต็นท์ริมถนนหลายสิบครัวเรือด้วยกัน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ถูกน้ำท่วมบ้าน//////

 ภาพ /   ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ 


     

ปราจีนบุรี|นายอำเภอบ้านสร้าง เร่งลงพื้นที่ ตำบลบางแตน นำทีมสำรวจสถานการณ์น้ำ

นายอำเภอบ้านสร้าง เร่งลงพื้นที่ตำบลบางแตน นำทีมสำรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยง เพื่อประเมินสถานการณ์ รองรับแผนการช่วยเหลือ พร้อมให้กำลังใจ และรับฟังปัญหาความต้องการของพี่น้องประชาชน
วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 10.30 น.อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี  ในเวลา 10.30 น. นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง พร้อมด้วยนายก อบต.บางแตน และฝ่ายปกครองท้องที่ ได้เร่งลงพื้นที่ ตำบลบางแตน เพื่อติดตาม และประเมินสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมลุยลงพื้นที่รายบ้านสอบถามปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชน เพื่อประเมินสถานการณ์ และร่วมกันหาแนวทางป้องกันและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบต่อไป
     
สำหรับพื้นที่ตำบลบางแตนนั้นเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ และได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมก่อนเป็นจุดแรกในอำเภอบ้านสร้าง ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำ ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่เอ่อล้นเข้าท่วมที่อยู่อาศัย โดยก่อนหน้านี้ อำเภอบ้านสร้างได้ประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมง เตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการ และหาแนวทางป้องกันไม่ให้มวลน้ำก่อให้เกิดผลกระทบต่อ การเลี้ยงปลา และกุ้งในเบื้องต้นแล้ว
      
แม้ว่าจากการสอบถามพูดคุย พี่น้องประชาชนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “น้ำท่วม เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ของคนริมน้ำ” อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณน้ำฝนที่ค่อนข้างมากในห้วงนี้ ประกอบกับอิทธิพลจากพายุโนรู นายอำเภอบ้านสร้างจึงไม่อาจนิ่งนอนใจ และเร่งลงพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำ พร้อมพูดคุยให้กำลังใจกับพี่น้องประขาชน ตลอดจนบูรณาการข้อมูล รวมถึงพลังสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาต่อไป
     
นายอำเภอบ้านสร้างกล่าวทิ้งท้ายว่า อำเภอบ้านสร้างเป็นพื้นที่รองรับน้ำทั้งจากจังหวัดนครนายก และจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ผ่องถ่ายน้ำไปจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อระบายลงสู่ทะเลต่อไป จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด ทั้งประชาชนในพื้นที่อำเภอบ้านสร้าง และจังหวัดใกล้เคียงด้วย////
/ข่าว อลงกรณ์ คุณกิตติมานนท์087-8789225ปราจีนบุรี

ปราจีนบุรี| นายอำเภอบ้านสร้างเร่งประสานขอการสนับสนุนเรือ เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์

เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ นายอำเภอบ้านสร้าง เร่งประสานขอรับสนับสนุนเรือจาก ปภ. เพิ่มเติม เพื่อสร้างความพร้อมในการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่
วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 09.00 น อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี
 นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง เร่งประสาน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปราจีนบุรี และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 ปราจีนบุรี เพื่อขอรับการสนับสนุนเรือพลาสติกเพิ่มเติมอีกจำนวน 40 ลำ รวมเป็นจำนวน 80 ลำที่อำเภอบ้านสร้างได้รับการสนับสนุนเรือ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในการสัญจร ระหว่างที่เกิดปัญหาน้ำท่วมเอ่อล้นในพื้นที่อำเภอบ้านสร้าง
    
 สืบเนื่องจากที่นายอำเภอบ้านสร้าง ได้เร่งลงพื้นที่เพื่อติดตาม และประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม โดยนายอำเภอบ้านสร้างได้ประสานขอรับการสนับสนุนเรือพลาสติกจำนวน 40 ลำ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 ปราจีนบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกัน และบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่เสี่ยงประสบภัยน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ด้วยในห้วงนี้มีฝนตกชุก ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเริ่มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำซึ่งต้องเผชิญหน้ากับปัญหาน้ำท่วม
    
 ในการนี้ นายอำเภอบ้านสร้างจึงได้ประสานขอรับการสนับสนุนเรือพลาสติกเพิ่มเติมอีกจำนวน 40 ลำ จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปราจีนบุรี และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 ปราจีนบุรี เพื่อนำมาให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นการบรรเทาทุกข์ ช่วยทำให้ประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำล้นตลิ่งสามารถเดินทางสัญจรเข้า – ออก หรือขนย้ายสิ่งของได้สะดวกมากขึ้น สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
    
 นายอำเภอบ้านสร้างกล่าวว่า จากการลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการประเมินสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนในปัจจุบัน ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าระดับน้ำในแม่น้ำนั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำนั้นได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำเอ่อล้นตลิ่ง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้า โดยเฉพาะยานพาหนะ (เรือ) สำหรับใช้ขนของ หรือสัญจรเข้า - ออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้ยากไร้ที่ไม่มีทุนทรัพย์ หรือเข้าไม่ถึงยานพาหนะดังกล่าว เพื่อให้ราษฎรประสบกับความเดือดร้อนให้น้อยที่สุด และมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์น้ำในอนาคตข่าว อลงกรณ์ คุณกิตติมานนท์087-8789225ปราจีนบุรี

ศรีสะเกษ|ความคืบหน้า 2 ตายาย นายอำเภอโนนคูณ นำชาวบ้านเร่งระดมการค้นหาในฝายน้ำล้นแต่ยังไม่พบ

 คืบหน้า 2 ตายายนายอำเภอโนนคูณนำชาวบ้านเร่งระดมกันค้นหาในฝายน้ำล้นแต่ยังไม่พบ รอชุดประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยในการค้นหาใต้น้ำฝายน้ำล้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายสุวรรณ ยาศรี อายุ 80 ปี และ นางข่อง ยาศรี อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 10  บ้านหนองแวงใต้ ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ 2 ตายายเป็นสามีภรรยา ได้ขับขี่รถ จยย.ลุยลงไปในบริเวณฝายน้ำล้นบ้านหนองแวง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ  และได้ถูกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากพัดจมน้ำหายไปพร้อมด้วยรถ จยย. ต่อมาเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้ระดมกันค้นหาท่ามกลางความมืดและกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว พบเพียงรถ จยย.เท่านั้น  ยังไม่พบร่างของ 2 ตายาย และต้องยุติการค้นหาเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.15 น. ของคืนวันที่ 29 ก.ย. 65 ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น 
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 30 ก.ย. 65  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ฝายน้ำล้นบ้านหนองแวง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ นายภัทรพล  สารการ  นายอำเภอโนนคูณ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์  อักโข นายก อบต.หนองกุง กำนัน ต.หนองกุง ได้นำผู้นำชุมชน ชาวบ้านและญาติพี่น้องของ นายสุวรรณ  ยาศรี และ นางข่อง ยาศรี ที่จมน้ำหายไปตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 29 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา โดยได้มีการระดมชาวบ้านมาช่วยกันตามหาบริเวณฝายน้ำล้น และเดินค้นหาไปตาม 2 ข้างฝายน้ำล้น ตามเส้นทางที่น้ำไหลไป  พร้อมทั้งมีการถางป่ารอบบริเวณ 2 ข้างฝายน้ำล้น เนื่องจากรกทึบมาก ทำให้ไม่สะดวกในการค้นหาร่างของ 2 ตายาย  โดยมีบรรดาลูกหลานญาติของ 2 ตายายมาเฝ้ารอผลการค้นหาจำนวนมาก
นายไพฑูรย์  อักโข นายก อบต.หนองกุง  กล่าวว่า ตนและคณะญาติพี่น้องทุกคนมีความห่วงใย นายสุวรรณ ยาศรี และ นางข่อง ยาศรี 2 ตายายเป็นอย่างมาก  เพราะว่า เป็นผู้ใหญ่ของหมู่บ้านหนองแวงใต้  มีลูกหลานญาติพี่น้องจำนวนมาก  ตนได้นำเจ้าหน้าที่ทุกคนของ อบต.หนองกุง มาร่วมกับพี่น้องชาวบ้านในการระดมกันค้นหา  ซึ่งต้องทำการถางป่ารอบฝายน้ำล้นออกก่อนเพื่อให้สะดวกในการค้นหา จากนั้น ได้ร่วมกับพี่น้องชาวบ้านช่วยกันลุยค้นหารอบบริเวณฝายน้ำล้นอย่างละเอียด  แต่ว่าในฝายน้ำล้นนั้น ชาวบ้านไม่สามารถลงไปค้นหาในน้ำได้  จะต้องรอชุดประดาน้ำจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยให้มาช่วยดำน้ำค้นหาต่อไป /

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565

ศรีสะเกษ| สลด 2ตายาย ขับรถ จยย ข้ามฝายน้ำล้นถูกน้ำพัดจมหาย

สลด 2 ตายายขับรถ จยย.ข้ามฝายน้ำล้นถูกน้ำพัดจมหายไปยังหาร่างไม่พบ  เจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 30 คนระดมกำลังค้นหาจนดึกยังไม่พบต้องยุติการค้นหารุ่งเช้าจะเริ่มต้นค้นหาใหม่
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 ก.ย. 65  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณฝายน้ำล้นบ้านหนองแวง ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ   ร.ต.อ.อำนาจ  แก้วสว่าง ร้อยเวรสอบสวน สภ.โนนคูณ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุคนจมน้ำหายไปในกระแสน้ำที่บริเวณฝายน้ำแห่งนี้ จำนวน 2 ราย  จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.ธวัชชัย  แก้วเบ้า ผกก.สภ.โนนคูณ ทราบ และได้รีบเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่า มีญาติพี่น้องและชาวบ้านของผู้ที่จมน้ำหายจำนวนมากได้พากันมาช่วยกันงมหาร่างของทั้ง 2 ราย ซึ่ง ร.ต.อ.อำนาจ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพื่อให้มาช่วยในการค้นหา ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ที่ถูกน้ำพัดหายไปชื่อ นายสุวรรณ ยาศรี อายุ 80 ปี และ นางข่อง ยาศรี อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 10  บ้านหนองแวงใต้ ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เป็นสามี ภรรยา โดยต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งและหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา มูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน มาร่วมกันค้นหาร่างของผู้เคราะห์ร้ายท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากมาก 
ต่อมาเวลา 21.45 น. วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้เดินทางมาอำนวยการในการค้นหาร่างของคนที่จมน้ำหายไปในฝายน้ำล้น พร้อมทั้งได้เข้าไปให้กำลังใจแก่ครอบครัวญาติพี่น้องของ 2 ตายาย และได้ประสานงานกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพื่อร่วมกันหาแนวทางในการค้นหาร่าง 2 ตายาย  ซึ่งการค้นหาต้องใช้ชุดประดาน้ำในการดำน้ำค้นหา แต่ปรากฏว่า กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากมากและความมืด ทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหาเป็นอย่างมาก  จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้หยุดทำการค้นหา  และจะได้ทำการประเมินสถานการณ์โดยจะมาทำการค้นหาใหม่ในรุ่งเช้าวันใหม่
พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ  กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ  นายสุวรรณ ยาศรี อายุ 80 ปี และ นางข่อง ยาศรี อายุ 71 ปี  2 สามีภรรยา ได้พากันเดินทางกลับมาจากการเลี้ยงหลานให้ลูกชายที่บ้านหนองกุง จากนั้น ได้พากันขับขี่รถ จยย.เพื่อเดินทางกลับบ้านที่บ้านหนองแวงใต้  โดยมีนายสุวรรณ  เป็นผู้ขับขี่รถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กฮ 306 เชียงใหม่ มีนางข่อง ซึ่งเป็นภรรยานั่งซ้อนท้ายมาด้วย  เพื่อที่จะข้ามฝายน้ำล้นหนองแวงเดินทางกลับบ้าน แต่ปรากฏว่า ระดับน้ำที่ไหลผ่านฝายน้ำล้นสูงมาก อีกทั้งกระแสน้ำไหลค่อนข้างเชี่ยวกราก นายสุวรรณ ได้ขับรถ จยย.ลงไปในฝายน้ำล้นเพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม แต่ว่า กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวได้พัดเอาร่างของ 2 ตายายพร้อมด้วย จยย.จมหายไปต่อหน้ากลุ่มเด็กจำนวนหนึ่งที่พากันมาเล่นน้ำที่ฝายแห่งนี้  เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านได้ระดมกันค้นหาตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 – 22.00 น. ก็ยังไม่พบร่างผู้ที่จมน้ำหายไป พบเพียง รถ จยย.ที่ 2 ตายายขับมาจมอยู่ใต้น้ำเท่านั้น

ทางด้าน น.ส.หวาน ศิรินภา  อายุ  27 ปี หลานสาวของ 2 ตายายที่จมน้ำหายไป กล่าวว่า บริเวณฝายน้ำล้นแห่งนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก ตนขอฝากถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่า ชีวิตคนมีค่า บริเวณฝายน้ำล้นแห่งนี้ควรที่จะมีอุปกรณ์ในการรักษาความปลอดภัยให้ชาวบ้านด้วย เช่น หลักวัดระดับน้ำ   สะพานแขวน หรือรั้วกั้น เพื่อป้องกันอันตรายให้กับชาวบ้านที่ผ่านไปมาบริเวณนี้  ตนอยากให้กรณีของปู่และย่าของตนเป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่น ๆ  อีกต่อไป//

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ| ชุมชนศิริทรัพย์ทวีโชค อ.เมือง จมใต้น้ำแล้วหนุ่มหอบต้นกัญชาหรือน้ำท่วม

ชุมชนศิริทรัพย์ทวีโชคจมใต้น้ำแล้วหนุ่มหอบต้นกัญชาหนีน้ำท่วม  ขณะที่มูลนิธิเพชรเกษมลอยคอเข้าไปขนย้ายสิ่งของช่วยชาวบ้านหนองหมูผู้ประสบภัยที่น้ำท่วมถึงหลังคาบ้าน
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 65  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชุมชนศิริทรัพย์ทวีโชค อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ที่อยู่ติดกับลำห้วยสำราญ ปรากฏว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 04.15 น. น้ำจากลำห้วยสำราญได้เอ่อล้นทะลักเข้าไปในชุมชนศิริทรัพย์ทวีโชค ซึ่งมีบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่กันอย่างหนาแน่น ชาวบ้านต้องพากันแตกตื่นลุกขึ้นกลางดึกขนข้าวของหนีน้ำท่วมกันอย่างโกลาหล ซึ่ง นายวัฒนา  พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง ปภ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ทหาร  ฝ่ายปกครอง จ.ศรีสะเกษ  เทศบาลเมืองศรีสะเกษ เฝ้าระวังอยู่แล้ว เมื่อเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในการขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นไปไว้บนที่สูงอย่างปลอดภัย และชาวบ้านบางส่วนได้ออกไปพักอาศัยอยู่บ้านญาติพี่น้องที่อยู่ในตัวเมืองศรีสะเกษ คงเหลือชาวบ้านส่วนหนึ่งที่เฝ้าทรัพย์สินภายในบ้านของตนเอง ขณะที่ชายหนุ่มคนหนึ่งได้แบกต้นกัญชาสูงประมาณ 2 เมตรเดินฝ่าน้ำท่วมออกไปจากชุมชน โดยต้นกัญชายังคงมีรากแก้วอยู่  แจ้งว่า จะเอากัญชาไปปลูกที่อื่น หากปล่อยให้ต้นกัญชาถูกน้ำท่วม เกรงว่าต้นกัญชาของตนจะเน่าตาย
ขณะที่คุ้มหนองหมู ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ  ที่กำลังถูกน้ำท่วมอย่างหนัก  ปรากฏว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องได้ทำให้ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นกว่าเดิม  ทำให้ชาวบ้านหนองหมูบางส่วนที่ยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านที่ถูกน้ำท่วมต้องพากันอพยพขนย้ายสิ่งของออกมาจากบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิเพชรเกษม  จำนวนประมาณ 10  คน  ได้นำเอาเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านทำการขนย้ายสิ่งของที่นอน ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า ออกจากบ้านที่ถูกน้ำท่วม แต่เนื่องจากว่า ข้าวของเต็มเรือท้องแบน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเพชรเกษมซึ่งสวมเสื้อชูชีพได้พากันลอยคอออกจากบ้านที่ถูกน้ำท่วม มาช่วยกันขนย้ายสิ่งของไปไว้ที่สูง โดยขณะนี้บ้านเรือนของชาวบ้านหนองหมูหลายสิบหลังคาเรือนถูกน้ำท่วมถึงหลังคาบ้านแล้ว ซึ่งนายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ได้ให้การช่วยเหลือประชาชนเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษที่ถูกน้ำท่วมอย่างเต็มที่ ทั้งด้านที่พักผู้อพยพ การแจกจ่ายอาหารถุงยังชีพและน้ำดื่มน้ำใช้  พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างใกล้ชิด
นายวัฒนา  พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า  จ.ศรีสะเกษ มีสถานการณ์อุทกภัยและพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.65  ปัจจุบัน จำนวน 18 อำเภอ 1 ทม. 14 ชุมชน 77  ตำบล 448 หมู่บ้าน ความเสียหาย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 14,339  ครัวเรือน 46,513 คน พื้นที่การเกษตร (นาข้าว 96,675  ไร่ พืชไร่ 3,924 ไร่)  ได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือแล้ว จำนวน 9  อำเภอ 27  ตำบล 132  หมู่บ้าน  โดยสถานการณ์อุทกภัย ในเขตพื้นที่ อ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 1 เทศบาลเมือง 14  ชุมชน  อพยพ 6  จุด (159  ครัวเรือน 636  คน) พักบ้านญาติ 1 ครัวเรือน โดย ศูนย์ ปภ.เขต
13 อุบลราชธานี, สนง.ปภ.จ.,อำเภอ, ทต.เมืองฯ, อปท., จิตอาสา ,อส., อปพร., อาสมัคร, มูลนิธิ, เข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือสนับสนุนถุงยังชีพ  เรือท้องแบน 2 ลำ เรือพลาสติก  เครื่องสูบน้ำ  รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย  ซึ่งระดับน้ำที่สถานี M9 (สะพานขาว อ.เมือง)เวลา 12.00 น. วัดได้ 12.57  เมตร  จึงขอเตือนประชาชนที่อยู่ใกล้ลุ่มน้ำทุกแห่งให้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำจากทางราชการและให้เตรียมเคลื่อนย้ายสิ่งของไปไว้บนที่สูงเพื่อความปลอดภัยด้วย/

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ  หมายสุข  ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ| พิษโนรู ถล่มกันทรลักษ์ ทำให้สถานีขนส่งผู้โดยสารและบ้านเรือนของชาวบ้านโจมใต้น้ำ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหารพรานที่ 23 ออกให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม

พิษโนรูถล่มกันทรลักษ์ทำให้สถานีขนส่งผู้โดยสารบ้านเรือนชาวบ้านจมใต้น้ำ ขณะที่ฝ่ายปกครอง ตร.ทหารพรานที่ 23 เร่งออกไปให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย
เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2565  ผู้สื่อข่าวรายงาน ตลอดคืนที่ผ่านมาปรากฏว่า ในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เกิดมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังในเขตหลายตำบลด้วยกัน  โดยที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกันทรลักษ์  อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า ได้รับผลกระทบจากพายุโนรูทำให้มีฝนตกลงอย่างหนัก  ทำให้ตลาดเมืองทอง สถานีขนส่งกันทรลักษ์ น้ำท่วมขังรอการระบายเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงประมาณ 10 - 20 เซ็นติเมตร จุดจอดรถ ร้านค้า ถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง โดยเทศบาลเมืองกันทรลักษ์ได้แจกจ่ายกระสอบทรายประมาณ 2,000 ถุง ให้แก่บ้านเรือนใน 21 ชุมชนที่ประสบภัยนำไปกั้นน้ำไม่ได้เข้าไปภายในบ้าน   ซึ่ง พ.อ.ภคพล  มีทิพย์  ผบ.ฉก.ทพ.23 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 เข้าไปช่วยเหลือทำการบรรจุกระสอบทราย และนำกระสอบทรายมาเสริมแนวกั้นน้ำเพื่อบรรเทาป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าไปท่วมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าระดับน้ำได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ทหารพรานต้องเร่งนำกระสอบทรายมากั้นบริเวณหน้าสำนักงานเพื่อบรรเทามวลน้ำไม่ให้ไหลเข้าไปภายในสำนักงาน
นายสุกิจ  เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์  กล่าวว่า  ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลให้ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 221 ศรีสะเกษ - กันทรลักษ์  ตั้งแต่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ - สะพานแยกข้ามเข้าบ้านศีรษะอโศก ตำบลกระแชง ทั้ง 4 ช่องจราจร มีน้ำท่วมขังรอการระบายระดับน้ำสูงประมาณ 40 - 50 เซ็นติเมตร ยานพาหนะขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 2085 กันทรลักษ์ - กันทรารมย์ ตั้งแต่ปั๊มน้ำมัน ปตท.น้ำอ้อม ตำบลน้ำอ้อม (น้ำท่วมรอการระบายทั้ง 4 ช่องจราจร ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซ็นติเมตร ระยะทางประมาณ 100 เมตร และมีการเปิดฝาท่อระบายน้ำข้างถนนพร่องน้ำให้เร็วขึ้น) ไปโรงเรียนมาลีอุปถัมภ์  น้ำท่วม 1 ช่องจราจรฝั่งไหล่ทาง ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ยานพาหนะขนาดเล็กสัญจรไม่สะดวกควรงดใช้เส้นทาง
นายอำเภอกันทรลักษ์  กล่าวต่อไปว่า ทางหลวงชนบท ศก 3040 กันทรลักษ์ - ขุนหาญ ตั้งแต่ตลาดเมืองทองสถานีขนส่งกันทรลักษ์ - บ้านป่าไม้พัฒนา ตำบลหนองหญ้าลาด น้ำท่วมทั้ง 2 ช่องทางจราจร ยานพาหนะขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ระยะทางประมาณ 1,200 เมตร   5)   6) อ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง ได้แก่ ด่านไอ ตำบลรุง ห้วยขนุน ตำบลภูผาหมอก และห้วยตามาย ตำบลภูเงิน ปริมาณนำ้เกินความจุอ่างเก็บน้ำและมีน้ำเติมมาเป็นระยะๆ ล้นสปริงเวย์ ทำให้เกิดผลกระทบพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำ  มีต้นไม้ล้มจำนวนมาก ทำให้กีดขวางเส้นทางถนน และเสาไฟโค่นสายไฟฟ้าขาด โดย กองร้อย อส.อ.กันทรลักษ์ที่ 9 ทหาร ตำรวจ PEA อำเภอกันทรลักษ์ อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ระดมช่วยกันแก้ไขปัญหาลุล่วงด้วยดี นอกจากนี้แล้ว  บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในที่ลุ่มต่ำ มีน้ำท่วมขังรอการระบายเป็นจุด ๆ กระจายเป็นแห่ง ๆ ไม่มีน้ำท่วมบ้านเรือนเป็นชุมชนใหญ่เป็นวงกว้าง และมีการระดมกันช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และไม่มีการอพยพคน  ส่วนพื้นที่การเกษตร อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย

พ.อ.ภคพล  มีทิพย์  ผบ.ฉก.ทพ.23  กล่าวว่า  ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 204 ชุมชนชิดบัญชา ม.8 ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  เพื่อเข้าไปให้การช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของขึ้นไปบนชั้น2 เนื่องจากน้ำเพิ่มสูงขึ้นจะเข้าสูตัวบ้าน ที่มีผู้ป่วยติดเตียงอาศัยอยู่ พร้อมทำแนวกระสอบทรายกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าไปยังตัวบ้านเพิ่มเติม เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมน้ำเต็มที่//

 ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ

ปราจีนบุรี| นายอำเภอบ้านสร้าง เร่งลงพื้นที่ตำบลบางพลวง สำรวจและติดตามสถานการณ์การเพาะเลี้ยงปลาในกระชัง เพื่อหาทางป้องกันความเสียหาย อาจเกิดจากภัยพิบัติน้ำท่วม

นายอำเภอบ้านสร้าง เร่งลงพื้นที่ ตำบลบางพลวง สำรวจ และติดตามสถานการณ์การเพาะเลี้ยงปลาในกระชัง เพื่อหาแนวทางป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้จากภัยน้ำท่วม พร้อมแนะแนวทางให้แก่ประชาชนในการเตรียมความพร้อมรับมือ เพื่อลดความเสียหาย
วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 1400 น.อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี
ในเวลา 14.00 น. นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง พร้อมด้วย นายก อบต.บางพลวง, ประธานสภา อบต.บางพลวง และฝ่ายปกครองท้องที่ เร่งลงพื้นที่ตำบลบางพลวง เพื่อสำรวจ และรับฟังความต้องการของพี่น้องชาวประมงผู้เพาะเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำ เพื่อร่วมกันหาแนวทางป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้จากภัยน้ำท่วมในอนาคต พร้อมกันนี้ นายอำเภอบ้านสร้างยังได้แนะแนวทางในการเตรียมความพร้อม และซักซ้อมการรับมือกับสถานการณ์น้ำให้กับพี่น้องประชาชนด้วย
    
 สืบเนื่องจากในช่วงนี้ที่อำเภอบ้านสร้าง มีฝนตกชุก ซึ่งทำให้พื้นที่ที่เป็นบ้านเรือน และที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาในกระชัง ซึ่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำ อาจได้รับความเสียหายจากอุทกภัยได้ นอกจากนี้ จังหวัดปราจีนบุรี ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่นโนรู อีกทั้งในห้วงนี้ได้มีการเตรียมการในการเปิดประตูน้ำหาดยาง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่อาจทำให้ระดับน้ำในพื้นที่อำเภอบ้านสร้างเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต นายอำเภอบ้านสร้าง จึงเร่งลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ และสำรวจพื้นที่เพาะเลี้ยงปลาในกระชัง เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกัน และรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจเพิ่มระดับได้นอกจากนี้ นายอำเภอบ้านสร้างยังได้ให้คำแนะนำกับพี่น้องประชาชนที่ทำอาชีพประมงในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยน้ำท่วมในอนาคต อาทิ การวางแผนในการเลี้ยงสัตว์น้ำให้มีความสอดคล้องกับบริบทเชิงพื้นที่, การเร่งจับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดมาจำหน่าย เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นต้น พร้อมเน้นย้ำให้ อปท.ในพื้นที่ และฝ่ายปกครองท้องที่ หมั่นให้ความสำคัญในการลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ และรับฟังปัญหาความต้องการของพี่น้อง ประชาชน เพื่อป้องกันความเสียหาย และบรรเทาทุกข์ได้ทันท่วงที   ////
///ข่าว อลงกรณ์ คุณกิตติมานนท์087-8789225ปราจีนบุรี

นครสวรรค์| ชมรมข้าราชการบำนาญ อ.ท่าตะโก จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสานสัมพันธ์วันแม่

ชมรมข้าราชการบำนาญอำเภอท่าตะโก จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสายสัมพันธ์วันแม่ วันที่ 9  ส.ค.2567 ชมรมข้าราชการบำนาญอำเภอท่าตะโกได้จัดกิจ...