วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565

จ.ปราจีนบุรี|นายอำเภอบ้านสร้าง ร่วมส่งต่อที่อยู่อาศัยให้ผู้ยากไร้ด้อยโอกาส ตามโครงการสร้าง/ซ่อมที่อยู่อาศัย

นายอำเภอบ้านสร้าง ร่วมส่งต่อที่อยู่อาศัยให้ผู้ยากไร้ด้อยโอกาส ตามโครงการ สร้าง/ซ่อมที่อยู่อาศัย เพื่อให้คนไทยมีบ้าน โดยความร่วมมือระหว่าง ธนาคาร ธอส. และ อบต.บางยาง
 วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.00 น.อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี
ช่วงเช้าวันนี้ นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง ได้เดินทางไปยัง ต.บางยาง เพื่อเยี่ยมบ้านที่ได้รับการซ่อม/สร้าง พร้อมร่วมส่งมอบที่อยู่อาศัย รวมจำนวน 4 หลังคาเรือน ให้แก่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตามโครงการ สร้าง/ซ่อม ที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ด้อยโอกาส ฯ ภายใต้การประสานงานจากทีม อบต.บางยาง นำโดย นายชัยชนะ นวลสุวรรณ นายก อบต.บางยาง และนายธวัส แสงสุข รองนายก อบต.บางยาง
     
สำหรับในปีงบประมาณ 2565 ต.บางยาง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากธนาคาร ธอส. ในการสร้างบ้านจำนวน 1 หลัง เป็นมูลค่า 200,000 บาท และซ่อมแซมอีกจำนวน 3 หลัง หลังละ 50,000 บาท โดยมีทีมอบต.บางยางทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ชี้เป้าครัวเรือนยากจนที่เหมาะสมจะได้รับงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม พร้อมระดมพลังประชาชนจิตอาสาร่วมแรงกันซ่อม/สร้างบ้านให้แก่ผู้เปราะบาง นอกจากนี้ ธนาคารธอส. ยังไม่เพียงแต่สนับสนุนงบประมาณในการซ่อม/สร้างแต่เพียงอย่างเดียว หากยังร่วมส่งมอบเครื่องอุปโภค - บริโภค สิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือนให้แก่ครัวเรือนเปราะบาง สำหรับใช้ในการดำรงชีวิต ณ บ้านหลังใหม่ อีกด้วย โดยปัจจุบัน ต.บางยางได้รับความช่วยเหลือด้านงบประมาณจากโครงการของธนาคาร ธอส. รวมบ้านหลังที่สร้าง จำนวน 3 หลัง เป็นเงิน 600,000 และซ่อมแซมปรับสภาพอีก 11 หลัง เป็นเงิน 550,000 บาท รวมเป็นงบประมาณทั้งหมด 1,150,000 บาท
     
นายอำเภอกล่าวว่าภาพรวมในปี 2565 นอกเหนือไปจากภาคีเครือข่ายระหว่าง อบต.บางยาง และธนาคาร ธอส. ที่ร่วมกันซ่อม สร้างบ้าน เพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้กับครัวเรือนกลุ่มเปราะบางแล้ว อำเภอบ้านสร้างยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับสภาพที่อยู่อาศัยให้กับครัวเรือนยากไร้จากหลากหลายแหล่งงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็น งบประมาณในการปรับสภาพที่อยู่อาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ/ผู้พิการ จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปราจีนบุรี, โครงการบ้านพอเพียงชนบท ของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.), งบประมาณตามโครงการของเหล่ากาชาดจังหวัดปราจีนบุรี และชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดปราจีนบุรี รวมครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือในการซ่อม และสร้างบ้านในปีงบประมาณ 2565 ทั้งหมด 171 ครัวเรือน คิดเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 4,335,000 บาท////ข่าว อลงกรณ์ คุณกิตติมานนท์087-8789225ปราจีนบุรี

จ.ศรีสะเกษ| ชมรมคนรักในหลวงร่วมกับมูลนิธิ พศช.จับพิธีเชิดชูพระเกียรติแม่ตัวอย่างประจำปี 2565

ชมรมคนรักในหลวงร่วมกับมูลนิธิ พศช.จัดพิธีเชิดชูเกียรติแม่ตัวอย่างประจำปี 2565 มอบเกียรติบัตรยกย่องแม่ดีเด่น อ.กันทรลักษ์ ชายแดนไทย – กัมพูชาด้านปราสาทพระวิหาร
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุม ร.ร.อนุบาลดำรงราชานุสรณ์ อ.กันทรลักษ์  จ.ศรีสะเกษ  นายแพทย์ ดร. ส.ส.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์  ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 4 ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเชิดชูเกียรติแม่ตัวอย่างประจำปี 2565  โดยได้มีการประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคล  และ มอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้กับแม่ตัวอย่าง  มอบเกียรติบัตรให้กับผู้นำการขับเคลื่อนโครงการ ร.ร.หมู่บ้านศีล 5 ตามรอยพ่ออย่างพอเพียง  ของ อ.กันทรลักษ์  อ.ขุนหาญ อ.ศรีรัตนะ และ อ.เบญจลักษ์  ซึ่งชมรมคนรักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับ มูลนิธิ พ.ศ.ช. คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ พุทธสมาคมจังหวัดศรีสะเกษ  ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ คณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมนี้ขึ้น  โดยได้รับความเมตตาจาก พระมหาสนอง  ขันติธโร เปรียญธรรม 9  ประโยค รองเจ้าคณะอำเภอกันทรลักษ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มี นายเสถียร จำเริญ  ผอ.ร.ร.บ้านสวนกล้วย ประธานกลุ่มโรงเรียนบึงระนาม ในนามของ ธรรมานิเทศโครงการ ร.ร.หมู่บ้านศีล 5 ตามรอยพ่ออย่างพอเพียงจังหวัดศรีสะเกษ และคณะกรรมการจัดงาน เป็นผู้กล่าวรายงาน และมี นายทิวา  รุ้งแก้ว ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายเกษมศานต์  ศรีโพนทอง  ผอ.มูลนิธิ พศช.และรองประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ศรีสะเกษ  ผู้บริหาร ร.ร. คณะครู แม่ตัวอย่างมาร่วมพิธีและให้การต้อนรับ
นายเสถียร จำเริญ  ผอ.ร.ร.บ้านสวนกล้วย ประธานกลุ่มโรงเรียนบึงระนาม ในนามของ ธรรมานิเทศโครงการ ร.ร.หมู่บ้านศีล 5 ตามรอยพ่ออย่างพอเพียงจังหวัดศรีสะเกษ และคณะกรรมการจัดงาน กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากชมรมคนรักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับ มูลนิธิ พ.ศ.ช.  คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ  พุทธสมาคมจังหวัดศรีสะเกษและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ ร.ร.หมู่บ้านศีล 5  ตามรอยพ่ออย่างพอเพียง โดยใช้ “บวร”บ้าน  วัด  โรงเรียน  เป็นฐานในการพัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 เป็นต้นมา และได้ขับเคลื่อนปกป้องเทิดทูน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และน้อมนำหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ  โดยเริ่มสร้างเครือข่ายในการทำงานโดยยึดหลัก “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน เป็นฐานในการพัฒนา เริ่มต้นที่บ้านกุดนาแก้ว ต.ภูฝ้าย อ.ขุนหาญ วัดจำปาบ้านหัวนา ต.หนองแก้ว อ.กันทรารมย์ วัดบ้านปราสาทเยอ ต.ปราสาทเยอ อ.ไพรบึง เป็นต้น โดยใช้มิติทางการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรมเป็นสื่อในการทำงาน 
ทางด้าน นายทิวา  รุ้งแก้ว ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า  ปีพ.ศ. 2557  คณะทำงานได้บูรณาการ โครงการหมู่บ้านศีล  5 เข้ากับโครงการหมู่บ้านตามรอยพ่ออย่างพอเพียง เป็นโครงการโรงเรียน หมู่บ้านศีล 5 ตามรอยพ่ออย่างพอเพียง  โดยเลือกโรงเรียนนำร่อง 9 ร.ร. สามารถขยายเข้าชุมชนได้อย่างรวดเร็ว  ปัจจุบันมีสถานศึกษาทุกสังกัดเข้าร่วมโครงการ 597  แห่ง  ซึ่งปัจจุบันนี้กันทรลักษ์ มี 34 ร.ร. อ.ขุนหาญมี 35 ร.ร. อ.ศรีรัตนะ มี 14 ร.ร.และ อ.เบญจลักษ์ มี 16 โรงเรียน รวมทั้งสิ้น 99  ร.ร.  การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดีเช่น มูลนิธิ พศช. โดยนายเกษมศานต์ ศรีโพนทอง สนับสนุนกรอบเกียรติบัตรทั้ง จ.ศรีสะเกษ เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท พระมหาสนอง ขนฺติธโร สนับสนุน ของที่ระลึกแม่ตัวอย่าง จำนวน 100 ชุด นอกจากนี้ยังมีผู้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ด้วย 
   
นายแพทย์ ดร. ส.ส.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์  ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 4 กล่าวว่า จ.ศรีสะเกษ มีองค์กรจำนวนมาก ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนปกป้อง เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงลงสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง  ทุกท่านยังร่วมมือกัน ทำความดี  เพื่อตอบแทนบ้านเมือง  ตอบแทนแผ่นดิน  เพื่อเทิดทูนสถาบันชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์  อันเป็นที่รักยิ่งของเรา                                                   
 โดยวิธีการคือชวนกันทำความดี  ตามแนวทางของหัวใจพระพุทธศาสนา  และน้อมนำพระบรมราโชวาท  พระราชดำริห์  พระราชดำรัส  ปณิธานในล้นเกล้าพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร  (5 ธันวาคม 2470 -13 ตุลาคม 2559)  ตลอดระยะเวลา  89 ปีที่พระองค์ทรงเป็นต้นแบบเป็นต้นบุญในการทำงานเพื่อสร้างคุณค่าของประเทศชาติ  และความเป็นคนไทยที่สมบูรณ์  ที่มิอาจประมาณในคุณค่าดังกล่าวได้  ในวันนี้  ท่านยังได้สืบสานความจงรักภักดี  ร่วมกันถวายพระพร   สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  มอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้กับ  แม่ตัวอย่าง อันเป็นสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน สถาบันครอบครัว มอบเกียรติบัตรให้ผู้บริหารโรงเรียนและครูที่สนับสนุน  ส่งเสริม ขับเคลื่อนโครงการ  เพื่อสืบสานความดีสืบเนื่องอย่างน่าชื่นชมอย่างยิ่ง//

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ 
  

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2565

จ.ศรีสะเกษ| เห็นเต็มตาเลขเด็ดศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองวัดไพรพัฒนา คอหวยแห่จุดธูปเอาแป้งขัดถูต้นตะเคียน ขอเลขเด็ด

เห็นเต็มตาเลขเด็ดศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองวัดไพรพัฒนา คอหวยแห่จุดธูปเอาแป้งขัดถูต้นตะเคียนหาเลขเด็ดคึกคัก 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ส.ค. 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่าได้มีบรรดาประชาชนจากทั่วประเทศจำนวนมากพากันนำเอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้เจ้าแม่ตะเคียนทอง ซึ่งเป็นท่อนตะเคียนทองขนาดใหญ่ จำนวน 2 ท่อน โดยท่อนแรกมีความยาวประมาณ 8 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร และท่อนที่ 2 ยาวประมาณ 12 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร ซึ่งผู้ที่เคารพศรัทธาได้นำเอาชุดไทยและเครื่องตกแต่งสวยงามจำนวนมากมาถวายเจ้าแม่ตะเคียนทอง เนื่องจากว่า มาขอเลขเด็ดแล้วได้เลขเด็ดไปซื้อล็อตเตอรี่ทำให้โชคดีรับทรัพย์จำนวนมาก  
โดยบรรดาคอหวยได้พากันเสี่ยงทายจับลูกปิงปองในถังพลาสติคที่มีตัวเลขอยู่บนลูกปิงปอง แล้วนำเอาดูเลขเด็ด ทำให้เห็นเต็มตาว่า เป็นเลข 6 สี่ 4  บางคนเสี่ยงเซียมซี มีตัวเลขเห็นชัดเจนทั้ง 28 และ 14 ขณะที่คอหวยหลายคนได้พากันนำเอาแป้งขาวมาทาลงบนไม้ตะเคียนทองแล้วลูบหรือขูดหาเลขเด็ดกันอย่างคึกคักมาก จนทำให้ต้นตะเคียนทองขาวโพลนไปด้วยแป้ง และจะเห็นเลขเด็ดตามสายตาของตนเองทั้งเลข 2 3 และ เลข 4  4  ตามแต่ความเชื่อของตนเองและตามสายตาที่พบเห็นจากการเสี่ยงทาย  และมีคอหวยจำนวนมาก พากันมาจุดธูปขอหวยจากเจ้าแม่ตะเคียนทอง แล้วพากันยืนรอตัวเลขบนธูปให้ปรากฏออกมา  ปรากฏว่า มีตัวเลขบนธูปออกมาหลายตัวด้วยกัน
นางแดง  หมายศรี  อายุ  59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 3 บ้านดอนมะยาง ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร  ซึ่งมาขอเลขเด็ดจากเจ้าแม่ตะเคียนทอง  กล่าวว่า  ตนทราบข่าวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สรวงและเจ้าแม่ตะเคียนทองว่าให้โชคลาภบ่อยมาก โดยมีข่าวว่ามีคนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 แล้วหลายรายหลายงวดซ้อนติดต่อกัน แต่ผู้ที่ถูกรางวัลที่ 1 ต่างพากันเก็บตัวเงียบ ไม่ยอมเปิดเผยตัว เพราะเกรงว่าจะมีคนล่วงรู้มากอาจจะได้รับอันตรายได้ อีกทั้งมีคนมาขอเลขเด็ดแล้วถูกเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว และรางวัลต่างๆ เป็นจำนวนมาก ตนกับญาติพี่น้องชอบเสี่ยงโชคซื้อหวย   จึงหวังมาหาเลขเด็ด ดังนั้น จึงได้พากันมากราบไหว้เพื่อขอโชคลาภ ตนมีความศรัทธาและเชื่อว่า งวดนี้เจ้าแม่ตะเคียนทองจะต้องให้เลขเด็ดอย่างแน่นอน โดยตนเสี่ยงทายจับลูกปิงปองแล้ว ได้เลขเด็ดคือ 6 สี่ 4  ซึ่งตนเห็นเลขเด็ดเต็มตา จะนำเอาเลขเด็ดที่ได้ไปเสี่ยงโชคซื้อ                            ล็อตเตอรี่งวดนี้ต่อไป หากโชคดีก็อาจจะถูกรางวัลที่ 1 หรือรางวัลอื่นๆ ก็ได้/////

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข  ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

จ.นครสวรรค์| อบต.หัวดง อ.เก้าเลี้ยว จัดอบรมเยาวชนโครงการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ 2565

องค์การบริหารส่วนตำบลหัวดง  อำเภอเก้าเลี้ยว จัดอบรมเยาวชนโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด  ปีงบประมาณ 2565
  
วันที่  30 - 31 ส.ค. 2565   อบต.หัวดง โดย นางอริญชย์  ฤทธิ์จรูญ  นายก.อบต.หัวดง อ เก้าเลี้ยว และปลัด อบต. รองนายก.อบต. จนท.อบต.จัดให้ทีการอบรมเยาวชน นักเรียน โรงเรียนในตำบลหัวดง 4  โรงเรียน  โรงเรียนหัวดงเหนือ  โรงเรียนหัวดงใต้ โรงเรียนหาดเฉลาโรงเรียนเนินพยอมนำนักเรียน เข้ารับการอบรม 60  คน ผอ.ทุกโรงเรียนและคุณครูร่วมพิธีเปิดการอบรม
โดยมี  ว่าที่ ร.ต.ยุทธภูมิ  จับจิตร  นอภ.เก้าเลี้ยวเป็นประธานเปิดการอบรม          นางอริญชยา  ฤทธิ์จรูญ นายก.อบต.กล่าวรายงาน แข็งวัตถุประสงค์การอบรม
การอบรมโครงการป้องกันแลัแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาสำคัญ.
 ถือเป็นปัญหาเป็นนโยบายที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง ซึ่งทุกพิ้นที่ในประเทศไทยมีการแพร่ระบาดทวีความรุ่นแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม  การพัฒนาในชุมชนท้องถิ่น จะเป็นปัญหาต่อกลุ่มเด็กและเยาวชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ถึงพิษภัยของยาเสพติด และรู้ถึงวิธีป้องกันยาเสพติด  อบต.หัวดง ตระกนักถึงพิษภัยของยาเสพติด จึงได้ดำเนินการอบรมเด็กและเยาวชนในโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้เด็กได้รับความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด รู้การป้องกัน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดตลอดไป   
วิทยากรให้ความรู้ ร.ต.อ.ประเทือง  สินโน  ร.ต.อ.นิกร  ยะรินทร์  ร.ต.ต..ชิน  ทับทิมศรี และ น.ส.อัจชรา  สุหิรัญ  พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.หนองปลิง
   ในการอบรมในโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดนี้ ได้มีอาจารย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ โดย  ผศ.ดร.มานิตย์  สิงห์ทองชัย  รศ.ดร.ลักษมี  งามมีศรี  ผศ.สิริกาญจน์  สิงห์ทองชัย   โครงการ  U 2 T  ตำบลหัวดง มอบคู่มือประชาสัมพันธ์ตำบลหัวดง จำนวน  150  เล่ม มอบเสื้อกีฬา ด้วย
  การอบรมนี้หวังเป็นอย่างยิ่งเด็กนักเรียนได้รับความรู้ เป็นภูมิป้องกันตนเองเกี่ยวกับภัยของยาเสพติด
  คำขวัญตำบลหัวดง
หลวงพ่อโตองค์ใหญ่  เลื่อมใสหลวงพ่อเพ็ชร  ประเพณีเด็ดแข่งเรือยาว  เรื่องราวประพาสต้น  ชุมชนตะเคียนดี  บารมีหลวงพ่อเทพฯ
   หัวดงน่าอยู่  เชิดชูคุณธรรม  น้อมนำแรัชญาเศรฐกิจพอเพียง  หลีกเลี้ยงอบายมุข  สุขภาพแข็งแรง  อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม  นำร่องการท่องเที่ยวชุมชน

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565

จ.ศรีสะเกษ|ผู้ว่าฯเปิดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค

ผู้ว่าฯเปิดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ 76 จังหวัด ประจำปี 2565 (จังหวัดศรีสะเกษ) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาฯ
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมเทศบาลตำบลยางชุมน้อย อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ 76 จังหวัด ประจำปี 2565 (จังหวัดศรีสะเกษ) เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาฯ โดยมี นางสาวชนมณัฐ รอดบุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นางมัลลิกา เกษกุล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัด  หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ประธานหอการค้าจังหวัด นายอำเภอยางชุมน้อย หัวหน้าส่วนราชการอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ปกครองท้องที่ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัด นายกสโมสรไลออนส์ศรีสะเกษ ผู้ประกอบการ กลุ่มอาชีพ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการในครั้งนี้
นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า  การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย การจัดเลี้ยงอาหารกลางวันโครงการน้ำพระทัยพระราชทานแก่ ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อน 50 ราย  พิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติครอบครัวร่มเย็น 3 ครอบครัว  มอบโล่เชิดชูเกียรติบุคคลดีเด่นด้านการพัฒนาครอบครัว 2 ครอบครัว มอบโล่เชิดชูเกียรติอาสาสมัครดีเด่น 3 ราย มอบถุงยังชีพของสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย 50 คน  มอบเงินสงเคราะห์จาก สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ให้แก่ผู้สูงอายุ 5 ราย คนพิการ 5 ราย และเด็กในครอบครัวยากจน 10 ราย  มอบผ้าอ้อมสนับสนุนโดย หจก.ไทยเจริญศรีสะเกษ บิ๊กซีศรีสะเกษ บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด และ สสจ.ศรีสะเกษ ให้แก่ผู้สูงอายุ 10 ราย คนพิการ 10 ราย และเด็ก 10 ราย  มอบนมผงสำหรับเด็ก สนับสนุนโดย หจก.ธงชัย           ปิโตเลียม และบิ๊กซีศรีสะเกษ ให้แก่ครอบครัว 6 ราย
นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ยังกล่าวด้วยว่า  นอกจากนี้แล้วยังมีการมอบถุงพันธุ์ปลาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดศรีสะเกษ ให้แก่ผู้นำชุมชน 10 ชุด มอบพันธุ์ไม้จากสำนักงานเกษตรอำเภอยางชุมน้อย ให้แก่เกษตรกร 3 ราย มอบเสื่อและมุ้งกันยุง สนับสนุนโดยชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัด 50 ผืน/50 หลัง มอบน้ำดื่ม/นม สนับสนุนโดยโรงแรมแกลเลอรี่ ดีไซด์ บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด บิ๊กซีศรีสะเกษ ธ.ก.ส.จังหวัดศรีสะเกษ นายสมิทธิ หล้าพรหม ให้แก่ประชาชนผู้เข้าร่วมกิจกรรม จากนั้นได้มอบชุดลูกเสือ-เนตรนารี ให้ตัวแทนนักเรียน 2 ราย โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำจังหวัดศรีสะเกษ   พร้อมทั้งมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ  และการแสดงผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปของกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในเขตอำเภอยางชุมน้อยจำนวนมาก////

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข  ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ 
     
 

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2565

จ.ศรีสะเกษ|มูลนิธิไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อการกุศลมอบโค 133 ชีวิตให้แก่เกษตรกรที่วัดไพรพัฒนา

 มูลนิธิไถ่ชีวิตโค-กระบือเพื่อการกุศลมอบโค 133 ชีวิตให้เกษตรกรที่วัดไพรพัฒนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันแม่แห่งชาติ  12  สิงหาคม  2565  
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  นายนพ  พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีมอบโค-กระบือให้แก่เกษตรกร ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างวัดไพรพัฒนา จ.ศรีสะเกษ กับมูลนิธิไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อการกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันแม่แห่งชาติ  12  สิงหาคม  2565 ซึ่ง หลวงพ่อเลี่ยม  กิตติเมธี  เจ้าอาวาสวัดลุ่มเจริญศรัทธา กรุงเทพ และประธานอุปถัมภ์มูลนิธิฯ  และ พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา  รอง ผบ.ตร.และประธานมูลนิธิ ร่วมกับคณะกรรมการของมูลนิธิและคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อเลี่ยม ได้ร่วมกันไถ่ชีวิตโค – กระบือ จำนวน 133 ชีวิต นำเอามามอบให้แก่เกษตรกร อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งการจัดพิธีในครั้งนี้เนื่องจาก พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ได้ประสานงานกับหลวงพ่อเลี่ยมและ พล.ต.อ.ดร.วิระชัย  ทรงเมตตา เพื่อขอโค - กระบือมามอบให้แก่เกษตรกร อ.ภูสิงห์ ได้เลี้ยงดูเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว  โดยมีการประกอบพิธีทางศาสนา การสาบานว่า โคที่ได้รับมอบไปจะไม่นำเอาไปฆ่า หรือขายต่อไปอย่างเด็ดขาด  และจะต้องเลี้ยงดูแลอย่างดี  จากนั้น พล.ต.อ.ดร.วิระชัย  ทรงเมตตา และคณะได้มอบเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ให้แก่เกษตรกรโดยหลวงพ่อเลี่ยม ได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับมอบโคทุกคนเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้น เกษตรกรได้นำเอาโคที่ได้รับมอบไปเลี้ยงที่บ้านของตนเองต่อไป โดยมี จ.อ.สมควร   สิงห์คำ  นายอำเภอภูสิงห์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กริชติศักดิ์ สิงหวิบูลย์ ผกก.สภ.ภูสิงห์ นายสำเร็จ  ไพรบึง นายก อบต.ไพรพัฒนา  นายปรเมษฐ ศรีบูรณ์ ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวงวัดไพรพัฒนา นายบุญมี เสนคราม กำนัน ต.ไพรพัฒนา ส.อ.ธีรยุทธ มณีโชติ ปลัด อบต.ไพรพัฒนา นำเกษตรกรมารับมอบและให้การต้อนรับ 
พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา  รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า มูลนิธิไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อการกุศล ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2542  โดยมี หลวงพ่อเลี่ยม  กิตติเมธี  ประธานอุปถัมภ์มูลนิธิฯ จัดตั้งขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการ ไถ่ชีวิตโค-กระบือ พร้อมอนุรักษ์โค-กระบือ มิให้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร  เพื่อสร้างสายใยรักในครอบครัว  เพื่อการทำบุญสร้างกุศลร่วมกัน ระหว่างผู้ไถ่ชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์ และผู้เลี้ยงโค-กระบือ  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มูลนิธิฯ โดยหลวงพ่อเลี่ยม  กิตติเมธี  ประธานอุปถัมภ์มูลนิธิฯ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ คณะกรรมการมูลนิธิฯ และผู้มีจิตศรัทธา ได้ไถ่ชีวิต และมอบโค-กระบือ ให้แก่เกษตรกรตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ มาแล้ว  107  ครั้ง (รวมครั้งนี้)  โดยนำไปมอบให้เกษตรกรในจังหวัดต่าง ๆ คือ บุรีรัมย์ นครศรีธรรมราช นครราชสีมา กาฬสินธุ์ สุรินทร์ เลย กำแพงเพชร ขอนแก่น นครพนม หนองคาย ลำปาง มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ เพชรบูรณ์  พิจิตร สระบุรี พิษณุโลก เชียงราย น่าน ชัยนาท จังหวัดอื่น ๆ  6,099  ชีวิต (มีนำไปเลี้ยงเอง และ ฯลฯ)  รวมทั้งสิ้น  15,330 ชีวิต  และในครั้งนี้ ได้ไถ่ชีวิตโค-กระบือ ณ วัดลุ่มเจริญศรัทธา กรุงเทพฯ  จำนวน  133  ชีวิต หากคิดอายุขัยเฉลี่ยของโค-กระบือ ตัวละ 20 ปี อายุโค-กระบือ ที่ได้รับการไถ่ชีวิตครั้งนี้  เท่ากับ  2,660  ปี รวมแล้วทางมูลนิธิฯ ได้ไถ่ชีวิต โค-กระบือให้เกษตรกรตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ปัจจุบัน  15,330  ชีวิต หากคิดอายุชัยเฉลี่ยของโค-กระบือ ตัวละ 20  ปี อายุโค-กระบือ ที่ได้รับการไถ่ชีวิตรวมกันแล้วทั้งสิ้น  306,600  ปี
นายนพ  พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า มูลนิธิไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อการกุศล ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ และดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะได้ร่วมสร้างบุญ ด้วยการไถ่ชีวิตโค-กระบือแล้ว ยังร่วมช่วยเหลือเกษตรกรในท้องถิ่นต่างๆ ส่งเสริมอาชีพเกษตรกร อาชีพดั้งเดิม  ตั้งแต่บรรพบุรุษ กระดูกสันหลังของประเทศ และยังสามารถนำมูลสัตว์ไปทำปุ๋ย เพื่อใช้ในการเกษตรได้อีกด้วย  สำหรับการประกอบพิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ นี้ นอกจากวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้โค-กระบือ มีชีวิตอยู่จนสิ้นอายุขัยแล้ว ยังช่วยให้มนุษย์มีความเมตตาธรรมไม่คิดเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น บังเกิดเป็นกุศลธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผู้มีบารมีด้อยกว่า  และไม่มีจิตอำมหิตคิดฆ่าเพื่อนร่วมโลก บุญบารมี และประสงค์จิตอันยิ่งใหญ่นี้ ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันแม่แห่งชาติ 12  สิงหาคม  2565  

พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา กล่าวว่า  การที่มูลนิธิไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อการกุศล ได้ช่วยชีวิตโค-กระบือ ให้รอดพ้นจากการถูกฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ คือธารน้ำใจที่หลั่งไหลเข้าสู่มูลนิธิฯ ทำให้เกษตรกรพ้นจากความทุกข์ร้อนได้ระดับหนึ่ง และเหนือกว่าสิ่งอื่นใด คือ การเป็น "ผู้ให้" ที่ยิ่งใหญ่ คือ การชักชวนมนุษย์ให้สำนึกในชีวิตที่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมแต่ชาติปางก่อน ด้วยการใช้แรงงานมิใช่เกิดมาเพื่อ "ถูกฆ่า" อันเป็นกงกรรมกงเกวียนที่หมุนเวียนไม่รู้จบ  ซึ่งวัดไพรพัฒนาได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว และได้ร่วมสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง พิธีมอบโค-กระบือ แก่เกษตรกรในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีที่ทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ และผู้มีจิตกุศลทั้งหมด จะได้ร่วมบุญในพิธีมอบโค-กระบือเพื่อเกษตรกรในครั้งนี้ด้วย//

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ 

จ.ศรีสะเกษ| หลวงพ่อพุฒร่วมกับ ผล.กกล.สุรนารี นำ 2 นายอำเภอ ชายแดนไปทำบุญวัดกัมพูชา

หลวงพ่อพุฒร่วมกับ ผบ.กกล.สุรนารี นำ 2 นายอำเภอชายแดนไปทำบุญวัดกัมพูชาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ 2 ชาติให้แน่นแฟ้นกว่าเดิมโดยใช้มิติทางพระพุทธศาสนา 
เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2565  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านอานแซะ ต.อานแซะ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ราชอาณาจักรกัมพูชา พระครูโกศลสิกขกิจ หรือหลวงพ่อพุฒ  วายาโม  ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง  เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับ พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2  พ.อ. บุญเสริม บุญบำรุง ผบ.ฉก. 1        พ.อ. ภคพล มีทิพย์ ผบ.ฉก.ทพ. 23  ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์  นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยว ศรีสะเกษ  นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายวิทยา มูลน้อยสุ นายอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี และคณะหัวหน้าส่วนราชการ ได้เดินทางผ่านทางจุดผ่านแดนชั่วคราวช่องอานม้า มาที่วัดบ้านอานแซะ เพื่อประกอบพิธีถวายเทียนพรรษา ทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อปฏิสังขรณ์วัดบ้านอานแซะ ได้เงินจำนวน 50,000 บาทเศษ  ปลูกต้นไม้จำนวน 100 ต้นประกอบด้วยต้นยางนา ต้นพะยอม  และปล่อยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลานิล จำนวน 1,000  ตัวลงในสระน้ำของวัด จากนั้น  ได้ประกอบพิธีมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับร.ร.ของกัมพูชา จำนวน  3 แห่งคือ ร.ร.บ้านอานแซะ ร.ร.บ้านต็อลเชอกร็อม และ ร.ร.บ้านเชอเตียลกอง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ น.ร.ได้เล่นกีฬามีสุขภาพแข็งแรง โดยมีฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.พาด สุเพ็น รองผู้บังคับการกองพลสนับสนุนที่ 3  พ.อ.ชิน คะนา หน.หน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชา  - ไทย ประจำช่องอานม้า นายวุฒิ ดารา นายอำเภอจอมกระสาน  นำคณะครู นักเรียน และประชาชนชาวกัมพูชาเขต อ.จอมกระสาน จำนวนประมาณ 150 คน มาให้การต้อนรับและร่วมพิธีในครั้งนี้
ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์  นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษ  กล่าวว่า  การจัดกิจกรรมครั้งนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดีงามในการที่จะจุดประกายของการค้าขายและการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควัด -1 9 ได้คลี่คลายลงแล้ว จะเห็นได้ว่าที่บริเวณจุดผ่อนปรนชั่วคราวช่องอานม้า มีการค้าขายชายแดนคึกคัก มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าของทั้ง 2 ประเทศ โดยทางฝ่ายกัมพูชาได้เข้ามาซื้อสินค้าจำพวกมะพร้าว และไก่สดจำนวนมาก  ซึ่งบริเวณนี้ในอนาคตต่อไปจะเชื่อมโยงไปถึงสามเหลี่ยมมรกต จะเป็นผลดีต่อการค้าและการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศได้เป็นอย่างดีมาก
พระครูโกศลสิกขกิจ หรือ หลวงพ่อพุฒ  วายาโม  ประธานมูลนิธิหลวงปู่สรวง เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ (ธ.) และเจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า อาตมาภาพได้นำคณะมาทำบุญถวายเทียนพรรษาและทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้  เนื่องจากว่า ประเทศกัมพูชานับถือพุทธศาสนาเช่นเดียวกับประชาชนชาวไทย ดังนั้น จึงได้ร่วมกันทำนุบำรุงสืบทอดพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนในการปฏิสังขรณ์ศาสนสถานของวัดบ้านอานแซะ เพื่อให้สามารถใช้ในการประกอบศาสนกิจได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม อาตมาภาพต้องขอเจริญพรขอบคุณ พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2  พ.อ. บุญเสริม บุญบำรุง ผบ.ฉก. 1 และ พ.อ. ภคพล มีทิพย์ ผบ.ฉก.ทพ. 23 นายอำเภอกันทรลักษ์และนายอำเภอน้ำยืน และคณะพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญทุกท่านที่ได้มาร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ชาติไทย-กัมพูชาให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกว่าเดิมโดยใช้มิติทางพระพุทธศาสนา 

พ.อ.บุญเสริม บุญบำรุง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 (ผบ.ฉก.1) กล่าวว่า  พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2  ได้นำคณะมาจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบายเป็นมิตรสัมพันธ์ที่ดีดังในข้อตกลงประชุม RBC ครั้งที่ 23 ห้วงระหว่างวันที่  24-26 ก.ค.2565 ณ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา  ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นด้วยมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมที่จะพัฒนาร่วมกัน  ซึ่งการดำเนินโครงการในวันนี้ เพื่อสานต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างชายแดนทั้ง 2 ประเทศ โดยมุ่งเน้นในการป้องกันการแก้ไขปัญหาเงื่อนไขชายแดนต่างๆ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และความเท่าเทียมกันของประชาชนตามแนวชายแดน เพื่อพัฒนาชายแดนให้ครอบคลุมในเรื่องเศรษฐกิจการค้าขาย การท่องเที่ยว การสาธารณสุขและวัฒนธรรม ให้มีความมั่นคงถาวรต่อไป//

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2565

จ.ศรีสะเกษ| เยาวชน 8 จังหวัดภาคอีสาน เข้าค่ายเยาวชนสร้างชาติ

เยาวชน 8 จังหวัดภาคอีสานเข้าค่ายเยาวชนสร้างชาติ NBI-Youth Camp#12 เพื่อพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง คนกล้า คนดี คือ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน คนเก่ง คือ มีความรู้ความสามารถ  คนกล้าคือ กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ  นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดค่ายเยาวชนสร้างชาติ รุ่น 12  ซึ่งนักศึกษาสถาบันการสร้างชาติ รุ่นที่ 13 (นสช.13) ได้จัดทำโครงการเยาวชนสร้างชาติ (NBI-Youth Camp) ขึ้น   การจัดค่ายครั้งนี้ เนื่องจาก นสช. 13 ได้เล็งเห็นว่าการพัฒนาชาติที่ยั่งยืนจำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่การพัฒนากระบวนความคิด ความรู้เป็นจุดแรก โดยเห็นว่าเยาวชนเป็นบุคลากรสำคัญที่จะเป็นผู้กำหนดอนาคตของชาติ หากได้รับการพัฒนาแนวคิดอย่างถูกต้องตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ย่อมเป็นการเตรียมการที่ดีเยี่ยมในการที่เยาวชนจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคม  จากการเห็นความสำคัญดังกล่าว  จึงได้จัดค่าย NBI-Youth Camp#12 ขึ้นระหว่างวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2565 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ โดยมีเยาวชนจาก 350 สถานศึกษา จำนวน 1,050 คน ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ บุรีรัมย์, มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ มาเข้าร่วมค่ายฯ โดยมี พลเอกวรพันธ์ วรศักดิ์โยธิน ประธานการจัดค่าย กล่าวถึงความเป็นมาของการจัดค่ายครั้งนี้  และมี ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ  ปาฐกถาเรื่อง “ความจำเป็นในการสร้างชาติ” รอง ผวจ.อำนาจเจริญ  รอง ผวจ.สุรินทร์ ดร.อุดมศักดิ์ เพชรอุมา ศึกษาธิการจังหวัดยโสธร ผู้บริหารระดับสูง ทั้งภาครัฐ และ ภาคเอกชน   คณะนักศึกษาหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ  ผอ.ร.ร.ครู วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย  พ่อแม่ผู้ปกครอง แขกผู้มีเกียรติ จาก 8 จังหวัดภาคอีสานล่าง และจากทั่วประเทศมาร่วมพิธีในครั้งนี้
พล.อ.วรพันธ์ วรศักดิ์โยธิน ประธานการจัดค่าย กล่าวว่า  กิจกรรมในค่ายเยาวชนสร้างชาติ จัดขึ้นโดย นักศึกษาระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ รุ่นที่ 13 โดยเน้นให้เยาวชน คิดวิเคราะห์ปัญหา คิดสร้างสรรค์ ฝึกการบริหาร การเป็นผู้นำ การฝึกจิตใจให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งจะส่งผลให้เยาวชนเหล่านี้มีความสนใจการเรียนทางวิชาการมากขึ้น และเห็นคุณค่าการเรียนเพื่อนำไปใช้ในการทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้อย่างแท้จริง อีกทั้ง สนับสนุนให้เยาวชนมีการจัดตั้ง “ชมรมเยาวชนสร้างชาติ” ในสถานศึกษาและชวนเพื่อน ๆ มาร่วมเป็นเยาวชนจิตสาธารณะ ทำกิจกรรมพัฒนาโรงเรียนหรือชุมชนในท้องถิ่น เยาวชนจะได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มทุกด้าน เพื่อมีส่วนทำประโยชน์ให้สังคม ผลในระยะยาวจะทำให้เขามีเข็มทิศในชีวิตที่มุ่งพาชีวิตเขาไปในการทำสิ่งที่ดี ห่างไกลจากยาเสพติดและอบายมุข เขาจะมีอิทธิพลชีวิตที่ดีส่งต่อไปยังเยาวชนในโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในภาคกลางและสังคมต่อไป 
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ กล่าวว่า  ที่ผ่านมานักศึกษาสถาบันการสร้างชาติได้จัด NBI Youth Camp มา 11 ครั้งแล้วทั่วประเทศไทย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12 กิจกรรมที่หลากหลายในค่ายฝึกให้เยาวชนมีภาวะในการนำ ภาวะบริหารและภาวะคุณธรรม นอกจากนี้เยาวชนยังได้รับการวางรากฐานแนวคิด ความรู้ ค่านิยม ความเข้าใจในการใช้ชีวิตผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในค่าย ซึ่งตนมั่นใจว่า เยาวชนที่ผ่านค่ายนี้ออกไปจะได้รับการพัฒนาให้เป็น คนดี คนเก่ง คนกล้า คนดี คือ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากว่าส่วนตน, คนเก่ง คือ มีความรู้ความสามารถ, คนกล้าคือ กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม 

นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของโครงการนี้อยู่ที่การสร้างเยาวชนอย่างต่อเนื่อง หลังจากการอบรมผ่านค่ายแล้ว ผ่านการสนับสนุนให้เยาวชนรวมตัวกันจัดตั้ง "ชมรมเยาวชนสร้างชาติ" ในสถานศึกษารวมทั้งการเผยแพร่แนวคิดเชิญเพื่อนๆ มาร่วมเป็นเยาวชนจิตสาธารณะ และทำกิจกรรม
โครงการพัฒนาโรงเรียนหรือชุมชนที่มีประโยชน์ต่อสังคมและประเทศไทยของเราต่อไป โครงการนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเป็นการฝึกหัดเยาวชนให้มีมากยิ่งกว่าความรู้ วิชาการ ขยายไปสู่การฝึกทักษะ การคิดวิเคราะห์ปัญหา การคิดสร้างสรรค์เพื่อเสนอแนวคิดใหม่ การบริหารเพื่อทำให้โครงการนั้นสำเร็จ การเป็นผู้นำจูงใจเชิญชวนให้คนมาสนับสนุนร่วมมือทำโครงการที่มีประโยชน์สร้างสรรค์ และที่สำคัญที่สุดคือ การฝึกจิตใจให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม อันจะส่งผลสะท้อนกลับ ให้เยาวชนเหล่านี้มีความสนใจการเรียนทางวิชาการมากขึ้น และเห็นคุณค่าการเรียนเพื่อนำไปใช้ในการทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้อย่างแท้จริง//

ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

นครสวรรค์| ชมรมข้าราชการบำนาญ อ.ท่าตะโก จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสานสัมพันธ์วันแม่

ชมรมข้าราชการบำนาญอำเภอท่าตะโก จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสายสัมพันธ์วันแม่ วันที่ 9  ส.ค.2567 ชมรมข้าราชการบำนาญอำเภอท่าตะโกได้จัดกิจ...