นักการเมืองท้องถิ่น รุ่นเก่ากับนักการเมืองท้องถิ่น รุ่นใหม่ แตกต่างกันอย่างไร
นักการเมืองท้องถิ่น ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งและรับชัยชนะ เข้าไปอยู่ในสภามาหลายสมัย เรียกง่ายๆก็คือ นักการเมืองรุ่นเก่า ..!? ที่คร่ำหวอดอยู่ในสภาท้องถิ่นมานาน ผู้ที่เข้าไปไม่ว่าจะอยู่ ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายค้าน ในเรื่องการประชุมสภาท้องถิ่น ในการเพิ่มหรือลดงบประมาณต่างๆ นักการเมืองรุ่นเก่าๆต่างรู้ดี การที่ตัดลดงบประมาณหรือเพิ่มงบประมาณแต่ละโครงการจะทำให้ขับเคลื่อนในสายงานต่อไปได้หรือไม่อย่างไร...!?
สมัยก่อนเรื่องเหล่านี้ประชาชนจะไม่สามารถรับรู้รับข่าวสารเรื่องงบประมาณต่างๆที่สภาท้องถิ่น ตั้งงบประมาณไว้แต่ละปีได้เลย นอกเสียจากจะมีผู้ร้องเรียนเรื่องทุจริต ไปยังผู้สื่อข่าวแต่ละสำนักให้ช่วยนำเสนอข่าวเปิดโปร่งถึงความไม่โปร่งใสในการทำงาน
หากผู้สื่อข่าว ในท้องถิ่นนำ เรื่องงบประมาณที่ถูกร้องเรียนทุจริตมาเปิดโปงให้ประชาชนได้รับรู้ ในหน้าหนังสือพิมพ์ ก็จะถูกข่มขู่คุกคามทุกรูปแบบต่างๆนาๆเพื่อให้หยุดนำเสนอข่าวสารต่อสาธารณชน เช่นการแจ้งความว่านำเสนอข่าวบิดเบือนหรือโทรข่มขู่เป็นต้น
หากนักการเมืองท้องถิ่น ผู้ที่เสียผลประโยชน์จากการนำเสนอข่าวสารของผู้สื่อข่าว ต้องออกมาชี้แจงข่าวสารถึงเหตุผลความโปร่งใสเรื่องที่ผู้สื่อข่าวนำเสนอออกไปนั้นได้ต่อสาธารณชน แบบตรงจุด ถึงจะเรียกได้ว่าโปร่งใสตรวจสอบได้สร้างความเชื่อถือเชื่อมั่นให้กับประชาชน
แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปปัจจุบัน
นักการเมืองคนรุ่นใหม่ๆ มีแนวคิดในการทำงานแบบเปิดเผย ตรวจสอบได้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม อย่างเช่น การประชุมสภาไม่ว่าจะ สภาผู้แทนราษฎรหรือสภาท้องถิ่น ก็ตามปัจจุบัน มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ประชาชนเข้าถึง โดยการถ่ายทอดสดออกสื่อหรือไลฟ์สดทาง เฟสบุ๊ค ให้ประชาชนได้รับรู้รับฟังแบบเข้าถึงและสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ในการตัดเพิ่มลดงบประมาณต่างๆ หรือแม้กระทั่งการทำงานด้านการพัฒนาชุมชนก็ตามสามารถเปิดกว้างให้ประชาชนติติงการทำงานทั้งในด้านดีและด้านลบได้ ความทันสมัยของเทคโนโลยี ประชาชนสามารถเข้าถึงและขอความช่วยเหลือผ่านทาง เฟสบุ๊ค หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆได้ทันทีเมื่อได้รับความเดือดร้อน นี่คือข้อดีในการใช้เทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่
ส่วน
นักการเมืองคนรุ่นเก่าๆ ยอมรับว่าตามเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน คนรุ่นเก่าก้าวตามไม่ทันต่อเหตุการณ์ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน ไม่ว่าจะด้านดีและด้านลบ ในการพัฒนาท้องถิ่น เทคโนโลยี่มันมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน ในการติดต่อสื่อสารกับประชาชน นักการเมืองท้องถิ่นรุ่นเก่าๆ บางคน อายุ 60 กว่าเกือบ 70 แล้ว ยอมรับว่าการใช้เทคโนโลยี การสื่อสารทาง เฟสบุ๊คหรือไลน์ ปัจจุบันเป็นช่องทางเข้าถึงประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆได้ง่ายขึ้นและรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องรอการนำเสนอข่าวสาร จากหน้าหนังสือพิมพ์ เหมือนสมัยก่อน ทำให้นักการเมืองรุ่นเก่าๆรับว่าการถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบ มีผลกระทบตอบรับกลับมาอย่างรุนแรง แต่ก็เข้าใจว่าหากคิดว่าจะเล่น การเมืองท้องถิ่นหรือระดับประเทศ ก็ต้องทำใจกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน และสื่อมวลชน ด้านการพัฒนาชุมชน
ฝากผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ทุกท่าน หากคิดเพียงแค่จะมากอบโกยผลประโยชน์ก็ต้องทนกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนให้ได้ แต่คิดว่าจะมาพัฒนาบ้านเมือง ประชาชนคงสรรเสริญ
ทีมข่าวการเมือง ฟิล์ม3มิติ รายงาน